บลจ. ทาลิส จ่ายปันผล 2 กองทุนหุ้นไทย มองปี 2565 ยังคงเป็นปีที่ดีของตลาดหุ้นไทย

พฤหัส ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๐๒๒ ๑๔:๑๘
นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทาลิส จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมจ่ายเงินปันผล 2 กองทุนหุ้นไทย ได้แก่ กองทุนเปิดทาลิส Dividend Stock หุ้นระยะยาวปันผล (TLDIVLTF-D)  ในอัตรา  0.125 บาทต่อหน่วย สำหรับรอบระยะเวลาบัญชี 1 พ.ย. 2564 - 31 ม.ค. 2565 และ กองทุนเปิดทาลิส Dividend Stock หุ้นทุนปันผล (TLDIVEQ-D) ในอัตรา 0.30 บาทต่อหน่วย สำหรับรอบระยะเวลาบัญชี 1 ก.พ 2564 - 31 ม.ค. 2565  โดยปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุนในวันที่ 10 ก.พ. 2565 เวลา 8.00 น. และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนพร้อมกันในวันที่ 18 ก.พ. 2565
บลจ. ทาลิส จ่ายปันผล 2 กองทุนหุ้นไทย มองปี 2565 ยังคงเป็นปีที่ดีของตลาดหุ้นไทย

กองทุนเปิดทาลิส Dividend Stock หุ้นทุนปันผล (TLDIVEQ-D) มีนโยบายลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และหรือตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี รวมถึงมีแนวโน้มที่จ่ายเงินปันผลโดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ทั้งนี้ บริษัทจัดการมีหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกหลักทรัพย์ ดังนี้ (1) ผลประกอบการทั้งในปัจจุบันและอนาคตของบริษัทผู้ออกตราสาร (2) การคาดการณ์การจ่ายเงินปันผลของบริษัทผู้ออกตราสาร

โดยผู้จัดการกองทุนจะพิจารณาปรับเปลี่ยนหลักทรัพย์ที่ลงทุนให้สอดคล้องกับสภาวะการลงทุน โดยจะวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับผลการดำเนินงานหรือฐานะการเงินของบริษัทผู้ออกตราสารเพื่อพิจารณาความสามารถในการจ่ายปันผลในอนาคตอย่างน้อยทุกครั้งที่มีการประกาศงบการเงิน ซึ่งหากมีการเปลี่ยนแปลงผลการดำเนินงานหรือฐานะทางการเงินของบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์อย่างมีนัยสำคัญ ผู้จัดการกองทุนก็จะปรับเปลี่ยนการลงทุนให้เหมาะสม

สำหรับทิศทางการลงทุนในปี 2565 ยังคงเป็นปีที่ดีของตลาดหุ้นไทย เนื่องจากเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัว ทำให้ผลประกอบการของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์มีแนวโน้มฟื้นตัวดี ประกอบกับสภาพคล่องในระบบการเงินยังมีอยู่สูงและดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับที่ต่ำ ยังมีโอกาสที่เงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติจะไหลเข้าตลาดหุ้น Emerging Market มากขึ้น

"อย่างไรก็ตามปี 2565 มีโอกาสจะมีความผันผวนมากกว่าปี 2564 จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ต้นทุนการผลิตในปี 2565 สูงกว่าปีที่ผ่านๆ มามาก ทำให้ต้นทุนสินค้าเพิ่มสูงขึ้นและผู้ประกอบการต้องผลักภาระให้ผู้บริโภค ทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงปัจจัยภายนอก เช่น การขึ้นดอกเบี้ยของ US และการทำ Quantitative Tightening (QT)  อย่างไรก็ดีการทำ QT ในปี 2565 อยู่ในช่วงที่ตลาดยังมีสภาพคล่องสูง และดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำ ความกังวลว่าเมื่อ US10Y Bond Yield ขึ้น เงินจะไหลออกจากตลาดหุ้นไปตลาดตราสารหนี้แต่ผลกระทบอาจจะไม่มาก ทิศทางการลงทุนในกลุ่ม Emerging Market รวมถึงไทย ยังอยู่ในช่วงของการฟื้นตัว เทียบกับกลุ่ม Developed Market ที่มีการฟื้นตัวไปแล้ว ทำให้ตลาด Emerging Market มีความน่าสนใจ" นายประภาส กล่าว

ที่มา: หลักทรัพย์จัดการกองทุน ทาลิส

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version