พญ.จัณจิดา รัตนภูมิภิญโญ กรรมการบริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ RBF เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินงานของ RBF จากนี้จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2565 จะมี 3 ปัจจัยหลักที่จะเข้ามาหนุนการเติบโตให้มากขึ้น ประกอบด้วย 1.การปรับราคาของผลิตภัณฑ์ให้สูงขึ้นตามต้นทุนของวัตถุดิบและต้นทุนด้านอื่นๆที่ขยับสูงขึ้นต่อเนื่องจากก่อนหน้านี้ 2.วัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น มีแนวโน้มคงที่ และ 3.สถานการณ์โควิดทั่วโลกเริ่มผ่อนคลาย จึงทำให้บริษัทฯเพิ่มยอดขายในต่างประเทศได้ดีขึ้น และบริษัทฯยังมีการขยายตลาดใหม่ๆมากขึ้นในปี 2565 เช่น กลุ่มโรงพยาบาล, กลุ่มคลินิก, และกลุ่ม wellness center
โดยผลผลิตโรงสกัดสารกัญชง ของ RBF เพื่อที่จะส่งมอบให้กับลูกค้าปลายน้ำ ทั้งธุรกิจอาหาร เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง ซึ่งปัจจุบันมีการเซ็นสัญญารับคำสั่งซื้อกับลูกค้ารายใหญ่แล้วหลายราย ล่าสุดเริ่มมีการต่อยอดและทยอยออกสินค้าปลายน้ำสู่ตลาดในประเทศแล้ว ซึ่งจะทำให้บริษัทเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจกัญชงเข้ามาตั้งแต่ไตรมาส 1/2565 เป็นต้นไป และจะทยอยรับรู้เพิ่มขึ้นในไตรมาส 2/2565 จากการส่งมอบที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้บริษัทฯยังได้ทำการยกระดับมาตรฐานการผลิตโรงสกัดสารกัญชง เพื่อรองรับคำสั่งซื้อจากกลุ่มลูกค้าเวชภัณฑ์และการแพทย์
ส่วนธุรกิจหลัก คือการผลิตและจำหน่ายวัตถุที่ใช้เป็นส่วนผสมในอาหาร (Food Ingredients) บริษัทฯมองว่าแนวโน้มของตลาดต่างประเทศในปี 2565 จะกลับมาเติบโตดีขึ้นกว่าปี 2564 โดยเฉพาะในประเทศอินโดนีเซีย และประเทศเวียดนาม ซึ่งในปี 2565 จะเห็นความคืบหน้าในการร่วมมือกับบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU และบริษัท Srinivasa Cystine Private Limited หรือ SCPL ในประเทศอินเดีย เพื่อขยายตลาดดังกล่าวด้วย
ขณะที่ภาพรวมของตลาดภายในประเทศก็จะค่อยๆ ทยอยฟื้นตัวกลับมา หลังจากภาครัฐมีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกเริ่มผ่อนคลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น จากการที่ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนป้องกัน ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจสามารถกลับมาดำเนินการได้ตามปกติ ส่งผลให้กำลังซื้อ รวมถึงปริมาณความต้องการในสินค้าอุปโภคและบริโภคเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ
นายสุรนาถ กิตติรัตนเดช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ RBF กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 มีมติจ่ายเงินปันผลประจำปี 2564 (งวดผลการดำเนินงาน วันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564) เป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 300 ล้านบาท ซึ่งจะขออนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 19 เมษายน 2565 โดยกำหนด วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 27 เมายน 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 11 พฤษภาคม 2565
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2564 บริษัทฯยังคงรักษาอัตราการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯมีรายได้รวม 3,383.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.59% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,116.38 ล้านบาท ทั้งนี้รายได้ที่เติบโตขึ้น เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ในปีที่ผ่านเริ่มมีการผ่อนคลายลง จึงทำให้มีการบริโภคในประเทศ เพิ่มสูงขึ้น
ส่งผลให้ยอดขายของบริษัทฯที่เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายวัตถุที่ใช้เป็นส่วนผสมในอาหาร (Food Ingredients) เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้แม้ว่าในปี2564 การเติบโตยอดขายโดยรวมในประเทศอาจจะชะลอตัวลงบ้าง จากผลกระทบของสถานการณ์โควิด-19 แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับฐานการผลิตในต่างประเทศ ทั้งอินโดนีเซีย และเวียดนาม ยังคงมีการเติบโตได้ดี โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์กลุ่มแป้งและซอส ซึ่งส่งผลให้ยอดขายรวมของบริษัทฯมีการเติบโตขึ้นอย่างโดดเด่น
"อย่างไรก็ตามในปี 2564 บริษัทฯมีผลกระทบจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ในกลุ่มโรงแรม ซึ่งได้จำหน่ายออกไปแล้วในไตรมาส 2/2564 ที่ผ่านมา ดังนั้นตั้งแต่ปี 2565 จึงทำให้บริษัทฯไม่มีรายการผลกระทบด้อยค่าหรือขาดทุนจากโรงแรมเข้ามามาอยู่ในกิจการอีก โดยจะทำให้สามารถเห็นการเติบโตของกำไรในธุรกิจหลักอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น" นายสุรนาถ กล่าว
ที่มา: บริษัท เดอะเวย์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด