นางสาวธนพร ฐิติสวัสดิ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อีเอสอาร์ไอ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า Market Analysis Report ได้รายงานตลาดของ Location Intelligence ทั่วโลกในปี 2570 จะมีมูลค่า 29,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ คาดจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีแบบทบต้น (CAGR) ถึง 15.2% ในช่วงปี 2563 - 2570 เนื่องจากในยุคดิจิทัลที่ข้อมูล (Data) มีความสำคัญอย่างมาก และยิ่งทวีความสำคัญเมื่อถูกแรงกระตุ้นจากสถานการณ์โควิด - 19 ทำให้ทุกองค์กรต้องปรับตัว เร่งนำ Digital technology มาใช้มากยิ่งขึ้น ส่งผลให้มี Data เกิดขึ้นทุกวันอย่างมหาศาล สิ่งสำคัญที่สุดคือการนำ Data มาวิเคราะห์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดเป็น Data intelligence เพื่อช่วยในการตัดสินใจและคาดการณ์ในอนาคตได้ ซึ่งข้อมูล Location นับเป็นหนึ่ง Data ที่มาเพิ่มคุณค่าในการสร้างมิติมุมมองที่แตกต่างและยกระดับการวิเคราะห์สู่ Location intelligence ที่เป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจและบริหารจัดการธุรกิจให้ครอบคลุมมิติอันหลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะ GIS หรือ ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ จะเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าวนี้ ทั้งนี้ แนวโน้มเทรนด์จากนี้พบว่า GIS จะกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่ทุกองค์กร ทั้งภาครัฐและเอกชนจะต้องใช้เป็นหนึ่งในเครื่องมือในการดำเนินกิจการเพื่อก้าวสู่ความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจ
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2565 นี้ ESRI เตรียมส่งโซลูชัน 3 ด้าน เจาะกลุ่มด้านตลาดการค้า (Commercial Market) เพื่อธุรกิจรีเทล ธุรกิจเดลิเวอรี่ และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และเจาะกลุ่มด้าน Location Analytics and Data Science การวิเคราะห์แผนที่และวิทยาการข้อมูลด้วย Machine Learning รวมทั้งด้านพัฒนาเมืองอัจฉริยะ Smart City ด้วย Digital Twins ดังนี้
- ด้านตลาดการค้า (Commercial) โซลูชันการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงธุรกิจ ด้วยการนำข้อมูล เชิงตำแหน่งและพื้นที่มาใช้ในการวิเคราะห์ และนำเสนอมุมมองใหม่ ๆ ไปสู่การตัดสิน ใจทางกลยุทธ์ เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มผลตอบแทนสูงสุด ตอบโจทย์สำหรับธุรกิจรีเทล ธุรกิจเดลิเวอรี่ ที่ปัจจุบันมีตลาด Cloud Kitchen ที่สูงขึ้น รวมทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในด้านของการทำ Site Selection และ Target Marketing เพื่อหา Location ที่เหมาะสมที่สุด โดยการใช้งานถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ด ก็สามารถทำงานได้ทันที นอกจากนี้ยังพร้อมด้วยข้อมูลประชากร (Demographic Data) และข้อมูลสถานที่สำคัญ (POIs) แบบพร้อมใช้งานที่เป็นส่วนสำคัญในการวิเคราะห์
- ด้าน Location Analytics and Data Science ด้วยเทคโนโลยี Machine Learning เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการระบุคุณลักษณะและสร้างโมเดลการจดจำคุณลักษณะของวัตถุบนภาพ สามารถแปลงข้อมูลภาพถ่ายทางอากาศหรือภาพถ่ายดาวเทียมออกมาเป็นรูปแบบดิจิทัลได้โดยไม่ต้องใช้คน ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้มีความถูกต้องและแม่นยำมากขึ้น และการวิเคราะห์ Raster Change Detection อัตโนมัติ ด้วยโปรแกรมที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของภาพถ่ายเพื่อดูความแตกต่างของพื้นที่ในแต่ละช่วงเวลา สามารถระบุพื้นที่ที่มีการพัฒนาเมืองหรือมีการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
- ด้านการพัฒนาเมืองไปสู่ความเป็น Smart City ด้วย Digital Twins หรือโลกเสมือน ซึ่ง GIS มีบทบาทสำคัญในการสร้างข้อมูลจาก Real world ไปสู่รูปแบบ Digital ที่จะเป็นข้อมูลตั้งต้นในการใช้เป็นแบบจำลองในการวิเคราะห์คาดการณ์สถานการณ์ต่างๆ และเพื่อประยุกต์ส่วนอื่น ๆ นอกจากนี้ GIS ยังนำมาใช้ในด้าน Smart city operations เพื่อช่วยวางแผนและบริหารจัดการด้านต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการติดตามสถานการณ์ต่างๆ ที่ต้องการเห็นข้อมูลแบบ Real-time ทันต่อเหตุการณ์ เช่น งานการจัดการภัยพิบัติต่าง ๆ และงานติดตามสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 และระบบติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ เป็นต้น ไปจนถึงการสร้าง Hub ในการสื่อสารของเมือง ที่เอื้อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนต่าง ๆ ของเมืองได้อย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตาม นอกจากแผนการพัฒนาโซลูชันต่าง ๆ เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจ ในปี 2565 นี้ ESRI ยังได้มีแผนลุยต่อยอดนวัตกรรมและเทคโนโลยีร่วมกับพาร์ทเนอร์ ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้าน Location Intelligence เพื่อเป้าหมายในการสนับสนุนการดำเนินงานของภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน ตลอดจนยกระดับสู่การเป็น Location intelligence โดยเชื่อมั่นว่า Location Intelligence จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนทุกธุรกิจให้ก้าวต่อได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ นางสาวธนพร กล่าวทิ้งท้าย
ค้นพบศักยภาพของ Location Intelligence เต็มรูปแบบได้ที่ www.esrith.com
ที่มา: แอบโซลูท พีอาร์