"ADD" ขานรับการบริการดิจิทัล คอนเทนต์ พุ่ง ดันกำไรปี64 โต 36.46% เดินหน้าวางกลยุทธ์ คอนเทนต์-โซลูชั่น ครบทุกมิติ ปั้นรายได้ปี 65 เพิ่ม20%

พฤหัส ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๐๒๒ ๐๙:๔๙
บมจ.แอดเทค ฮับ (ADD) โชว์ศักยภาพความแข็งแกร่งทางธุรกิจ ประกาศงบผลการดำเนินงานปี 2564 มีรายได้รวม 515 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 49.05% ขณะที่กำไรสุทธิ 98.75 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 36.46% เมื่อเทียบจากปีก่อน รับอานิสงส์ โควิด-19 ส่งผลให้ผู้บริโภคเข้าสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ หนุนรายได้ดิจิทัลคอนเทนต์ โต 54.07% และการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ โต 24.75% ด้าน CFO "สมโภช ทนุตันติวงศ์" กางแผนปี65 ลุยปรับกลยุทธ์ อัปเกรด Content- Solution เจาะกลุ่มโอเปอเรเตอร์เพิ่ม หนุนรายได้ปี 2565 โต20 %
ADD ขานรับการบริการดิจิทัล คอนเทนต์ พุ่ง ดันกำไรปี64 โต 36.46% เดินหน้าวางกลยุทธ์ คอนเทนต์-โซลูชั่น ครบทุกมิติ ปั้นรายได้ปี 65 เพิ่ม20%

นายสมโภช ทนุตันติวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท แอดเทค ฮับ จำกัด (มหาชน) หรือ ADD ผู้ดำเนินธุรกิจผู้ให้บริการระบบสนับสนุนบริการดิจิทัลคอนเทนต์บนโทรศัพท์เคลื่อนที่และให้บริการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยถึงภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2564 ว่า สำหรับปีที่ผ่านมาถือว่าเป็นปีที่ "ADD" มีความโดดเด่นและมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากในช่วงปีที่ผ่านมาบริษัทฯ เดินหน้าขยายการให้บริการทั้งในส่วนของการให้บริการดิจิทัล คอนเทนต์ (Digital Content) ผ่านช่องทางโทรคมนาคม รวมถึงการให้บริการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนเข้าสู่ยุคดิจิทัลมากขึ้น รวมถึงการลงทุนเครือข่าย 5G ถือเป็นโครงข่ายความเร็วสูง ซึ่งเป็นปัจจัยส่งเสริมให้เกิดการใช้งานได้จริงในอนาคต หนุนให้มีการพัฒนาแพลตฟอร์ม Digital Content ใหม่ ๆ ออกมารองรับความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะการใช้บริการ Digital Content ในรูปแบบการสมัครสมาชิก ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวเป็นตัวสนับสนุนให้ภาพรวมธุรกิจในอนาคตเติบโตอย่างโดดเด่น ประกอบกับช่วงสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้ผู้บริโภคใช้บริการออนไลน์ต่างๆ เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

จากปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการรวม เท่ากับ 515 ล้านบาท เติบโต ร้อยละ 49.05% และมีกำไรสุทธิ 98.75 ล้านบาทเติบโตร้อยละ 36.46% ทั้งนี้ สาเหตุที่ผลการดำเนินงานงวดปี2564 ปรับตัวเพิ่มขึ้น เป็นผลมาจาก 3 กลุ่มธุรกิจหลักได้แก่ 1.) ธุรกิจการให้บริการดิจิทัลคอนเทนต์ผ่านช่องทางโทรคมนาคม ที่มีรายได้ 442.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54.07% เมื่อเทียบกับปี 2563 เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนคู่ค้าด้านการตลาดในช่องทางออนไลน์ ซึ่งทำให้การให้บริการสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้โทรศัพท์ที่มีความหลากหลายมากขึ้น จนมีความสามารถในการทำกำไรขั้นต้นแตะ 120 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.24 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 46.58%

ขณะเดียวกันบริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นต้นลดลง ตามต้นทุนส่วนใหญ่ที่เป็นต้นทุนมาจากส่วนแบ่งรายได้ให้แก่คู่ค้าด้านการตลาดซึ่งจะแปรผันไปตามรายได้ และคู่ค้าด้านการตลาดรายใหม่ในช่องทางออนไลน์มีอัตราส่วนแบ่งรายได้ที่สูงขึ้น

2.) ธุรกิจการให้บริการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ มีรายได้ จำนวน 72.11ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.31 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 24.75% เนื่องจากบริษัทฯมีการให้บริการโครงการใหม่แก่ลูกค้ากลุ่มผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และมีกำไรขั้นต้น จำนวน 41.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.76 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9.95% โดยอัตรากำไรขั้นต้นลดลง เนื่องจากต้นทุนค่าบริการคลาวด์เซิร์ฟเวอร์และต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับพนักงานเพิ่มขึ้น และ 3.) ธุรกิจการให้บริการโฆษณาผ่านอินเทอร์เน็ตสำหรับสินค้าและบริการ อยู่ที่ 0.48 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 17.08 เทียบกับปีก่อน เนื่องจากลูกค้ากลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์มีการใช้จ่ายด้านสื่อโฆษณาลดลงตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 และมีขาดทุนขั้นต้น 2.23 ล้านบาท เนื่องจากต้นทุนส่วนใหญ่เป็นต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับพนักงานซึ่งเป็นต้นทุนคงที่

สำหรับภาพธุรกิจรวมถึงแนวโน้มอุตสาหกรรมดิจิทัลในปี 2565 นั้น ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บมจ. แอดเทค ฮับ "ADD" กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯตั้งเป้าหมายอัตราการเติบโตของรายได้รวมในปี 2565 เพิ่มขึ้น 20% หรือไม่ต่ำกว่า 600 ล้านบาท เมื่อเทียบจากปี 2564 ที่ผ่านมา ภายใต้การวางผลยุทธ์จากการใช้บริการดิจิทัลต่าง ๆ เพิ่มสูงขึ้นกว่า 10% โดยเฉพาะด้าน E-Content ซึ่งมีการใช้งานในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งสาระและความบันเทิง ที่เพิ่มมากขึ้น ภายใต้สถานการณ์ โควิด-19 สายพันธุ์ Omicron ส่งผลให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังคงต้องใช้ชีวิตแบบ Work From Home (WFH) และเรียนผ่านระบบ Online อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งกลุ่มกลุ่มโอเปอเรเตอร์ ยังมีการขยายการให้บริการในรูปแบบใหม่ๆเพิ่มขึ้น จากความพยายามในการรักษาฐานลูกค้า ประกอบกับการทยอยเปิดตัวโทรศัพท์รุ่นใหม่ ๆ รองรับเทคโนโลยี 5G ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นพฤติกรรมกลุ่มผู้บริโภคมีการใช้งานแอปพลิเคชั่นใหม่ ๆ

"ความต้องการใช้บริการดิจิทัลคอนเทนต์ (Digital Content) ที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงได้รับอานิสงส์จากระบบชำระเงินค่าบริการหรือสินค้าผ่านผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Carrier Billing) ที่โอเปอเรเตอร์พยายามให้ลูกค้าหันมาจ่ายค่าคอนเทนต์ผ่านซิมมือถือ โดยจะทำให้ได้ส่วนแบ่งจากผู้ผลิตคอนเทนต์มากขึ้นก็จะเป็นผลดีต่อบริษัทฯ ที่จะได้รับส่วนแบ่งรายได้จากโอเปอเรเตอร์เช่นกัน ดังนั้นจากปัจจัยดังกล่าวจึงถือเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม ในส่วนของรายได้ประจำ (Recurring Income) ให้มีการเติบโต"

นอกจากนี้ ยังเดินเกมรุกทางธุรกิจในการพัฒนาระบบเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า ทั้งในกลุ่มโอเปอเรเตอร์และผู้ใช้โทรศัพท์ เพื่อร่วมมือในการพัฒนาระบบการให้บริการรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อนำมาปรับใช้ในการให้บริการและตอบโจทย์กับผู้บริโภคได้ครบทุกมิติ

นอกจากนี้ บริษัทฯยังได้วางแผนพัฒนาระบบนิเวศดิทิจัล (Digital Ecosystem)ให้สมบูรณ์ขึ้น เพื่อเพิ่มรูปแบบบริการใหม่ๆ รวมถึงขยายโอกาสการทำงานร่วมกับพันธมิตรรายใหม่ ๆ ทั้งในกลุ่มโทรคมนาคมและกลุ่มอุตสาหกรรมอื่น ๆ ในอนาคต

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้มีการเตรียมขยายฐานการให้บริการในส่วนของธุรกิจการให้บริการดิจิทัลคอนเทนต์ ผ่านช่องทางโทรคมนาคม (Content) เพิ่มขึ้น โดยเพิ่มกลุ่ม Content ที่น่าสนใจ เพื่อครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละกลุ่มย่อย และเปิดกว้างรับพันธมิตรที่เข้าถึงกลุ่มผู้ใช้งานใหม่ ๆ เนื่องจากธุรกิจการให้บริการดิจิทัลคอนเทนต์ ถือเป็นสัดส่วนรายได้ทางธุรกิจ มากกว่า 80% ของรายได้รวม ควบคู่ไปกับการขยายฐานการให้บริการในส่วนของการให้บริการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ สำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (Solution) เช่นเดียวกัน เพื่อขยายสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันการให้บริการธุรกิจดังกล่าวมีสัดส่วนรายได้ไม่ถึง 20% ของรายได้รวม ดังนั้นหากบริษัทฯมีพันธมิตรใหม่ ๆ จะเป็นการเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นในอนาคต

ที่มา: มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ