นายสุธัช เรืองสุทธิภาพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เงินเทอร์โบ จำกัด ผู้ให้บริการทางการเงินแก่ลูกค้าในชุมชนทั่วประเทศ กว่า 660 สาขา ภายใต้แบรนด์ "เงินเทอร์โบ" เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีนี้คาดว่าจะมีแนวโน้มเติบโตสู่ระดับที่ดีอีกครั้ง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ประเมินว่า GDP ไทยในปี 2565 จะขยายตัวอยู่ในกรอบ 3.5-4.5% ซึ่งมีปัจจัยสำคัญจากการฟื้นตัวของการใช้จ่ายภายในประเทศ และนโยบายเปิดประเทศของรัฐบาลที่เชื่อว่ามาถูกทางแล้ว ทำให้ส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจและกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวกลับมาขยายตัว แม้ว่าจะเริ่มจากรูปแบบ Test & Go อย่างไรก็ตามในฐานะผู้ประกอบการอยากเห็นการเปิดประเทศมากขึ้นโดยไม่ต้องตรวจเชื้อหากนักท่องเที่ยวฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว เพราะประเทศไทยมีการฉีดวัคซีนในอัตราที่สูง จึงช่วยลดความรุนแรงของโควิด-19 ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางนโยบายของประเทศพัฒนาแล้วที่เลิกสนใจจำนวนผู้ติดเชื้อ แต่พยายามปรับตัวอยู่ร่วมกับโรคนี้ผ่านการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม ส่วนตัวอยากให้แสดงเฉพาะตัวเลขของคนที่ฉีดวัคซีนครบแล้วป่วยหนักหรือเสียชีวิต ซึ่งเชื่อว่ามีจำนวนไม่มาก
ปัจจัยการฟื้นตัวดังกล่าวของภาวะเศรษฐกิจ ทำให้บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าจะส่งผลดีต่อภาพรวมตลาดสินเชื่อที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะกลุ่มสินเชื่อเพื่อรายย่อยหรือไมโครไฟแนนซ์ ซึ่งจะค่อยๆ เข้ามาทดแทนสินเชื่อนอกระบบมากขึ้นเรื่อยๆ คาดว่าจะมีความต้องการเข้าถึงสินเชื่อเพิ่มขึ้นจากกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าและผู้ประกอบการรายย่อย เพื่อนำมาต่อยอดขยายธุรกิจในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังกลับมาเติบโต อีกทั้งไมโครไฟแนนซ์ยังเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เข้ามาปิดช่องว่างของหนี้นอกระบบที่มีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่า 100% ต่อปี สามารถตอบโจทย์ทางการเงินของผู้คนจำนวนมากที่ต้องการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่มีคุณภาพ น่าเชื่อถือ และมีอัตราดอกเบี้ยเป็นธรรม
"เชื่อมั่นว่าตลาดไมโครไฟแนนซ์จะยังคงเติบโตโดดเด่น จากทั้งปัจจัยบวกต่างๆ ทางเศรษฐกิจ รวมถึงโมเดลธุรกิจของไมโครไฟแนนซ์ที่ช่วยแก้ปัญหาทางการเงินของผู้คนจำนวนมากที่ขาดโอกาสเข้าถึงเงินทุน ซึ่งเราพบว่าปัจจุบันคนไทยยังเป็นหนี้นอกระบบอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นดีมานด์ในตลาดยังมีอีกมหาศาลจากคนที่ต้องการเข้าถึงสินเชื่อที่มีคุณภาพในอัตราดอกเบี้ยที่สมเหตุสมผล เพื่อนำไปประกอบอาชีพ ขยายธุรกิจ หรือเป็นเงินทุนหมุนเวียนในจังหวะที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว" นายสุธัชกล่าว
ทั้งนี้ "เงินเทอร์โบ" ในฐานะหนึ่งในผู้นำธุรกิจสินเชื่อเพื่อรายย่อย พร้อมที่จะก้าวสู่การเติบโตไปกับตลาดในครั้งนี้ โดยมุ่งเน้นให้บริการทางการเงินกับลูกค้าในชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศ ผ่านเครือข่ายสาขากว่า 660 สาขา โดยมีผลิตภัณฑ์ที่ให้บริการในปัจจุบัน ประกอบด้วย สินเชื่อทะเบียนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ภายใต้การกำกับ สินเชื่อโฉนดที่ดินและห้องชุด นอกจากนี้ ในอนาคตบริษัทฯ มีแผนจะเปิดให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคล นาโนไฟแนนซ์ และ Digital Lending ซึ่งบริษัทฯ มีนโยบายให้สินเชื่อเพื่อสร้างโอกาสลงทุนขยายธุรกิจหรือการสร้างอาชีพ โดยจะไม่สนับสนุนการปล่อยสินเชื่อสำหรับซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยที่ทำให้ก่อหนี้สินไม่จำเป็นและสร้างผลเสียในระยะยาว
ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยึดหลักการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด "พร้อมเคียงข้างทุกโอกาส" โดยให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับแรก ผ่านการให้บริการที่น่าเชื่อถือ จริงใจ ให้เกียรติ มีความยืดหยุ่น ในการให้บริการ และเข้าใจในวิถีชีวิตของผู้คนในชุมชน อาทิ การเปิดให้บริการลูกค้าทุกวันทุกสาขา 7 วันต่อสัปดาห์ การพิจารณาสินเชื่อที่รวดเร็ว ลูกค้ารับเงินภายในวัน เอกสารสัญญาเขียนด้วยภาษาไทยที่เข้าใจง่าย สั้น กระชับ เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้อย่างตรงจุด พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการดูแลพนักงานเป็นอย่างดี ด้วยการสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดีและผลตอบแทนที่เหมาะสม ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งสำคัญในการ ขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งในทุกมิติ
ที่มา: เอ็มที มัลติมีเดีย