"DOD" ปรับโครงสร้างธุรกิจ ปั้นรายได้ธุรกิจสายเขียว ก้าวสู่ "New S-Curve" อัดงบลงทุน 200 ล้านบาท ลุยกัญชง เต็มสูบ

ศุกร์ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๐๒๒ ๑๑:๔๓
บมจ.ดีโอดี ไบโอเทค ("DOD") โชว์ศักยภาพด้านการพัฒนาวิจัยคิดค้นสูตรนวัตกรรม และการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ สู่ New S-Curve ดัน"สยาม เฮอเบิล เทค" ลุยโรงสกัดสารสกัดจากกัญชงเต็มสูบ เล็งสกัดสารสำคัญกัญชงต่อยอดการผลิตธุรกิจหลัก (Core Business)ประกาศอัดงบลงทุน 200 ล้านบาท เพิ่มไลน์ผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร - โรงสกัดสารกัญชง
DOD ปรับโครงสร้างธุรกิจ ปั้นรายได้ธุรกิจสายเขียว ก้าวสู่ New S-Curve อัดงบลงทุน 200 ล้านบาท ลุยกัญชง เต็มสูบ

นายธนิน ศรีเศรษฐี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน)หรือ "DOD" เปิดเผยว่า หลังจากภาครัฐได้ประกาศปลดล็อคให้กัญชง สามารถขออนุญาตปลูก ผลิต นำเข้าเมล็ดพันธุ์ ครอบครอง และจำหน่ายได้อย่างเสรี บริษัทฯ ได้เล็งเห็นโอกาสในการลงทุนดังกล่าว จากความเชี่ยวชาญของ DOD ในด้านการพัฒนาวิจัยคิดค้นสูตรนวัตกรรมและการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ซึ่งมีจุดแข็งและความพร้อมด้านโรงสกัดวัตถุดิบ ทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (R&D) ที่ค้นคว้าวิจัยนวัตกรรมและพัฒนาสารสกัดพืชสมุนไพร สู่การต่อยอดไปยังการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีอยู่แล้ว และสามารถต่อยอดธุรกิจใหม่อย่าง ธุรกิจโรงสกัดสารสกัดจากกัญชง-กัญชา พืชกระท่อม และพืชสมุนไพรไทย ภายใต้ "บริษัท สยาม เฮอเบิล เทค จำกัด" (SHT) โดยมีทุนจดทะเบียน 260 ล้านบาท ส่งผลให้ในช่วงปีที่ผ่านมา DOD สามารถตอกย้ำการเป็นผู้พัฒนาและต่อยอดในการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ได้อย่างครบวงจรแบบ One Stop Service Solution ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงผลิตภัณฑ์ปลายน้ำ ทั้งนี้บริษัทฯมองว่าจากแผนการวางกลยุทธ์การปรับโมเดลธุรกิจ และการต่อยอดธุรกิจโรงสกัด ในช่วงปีที่ผ่านมา เพื่อการขับเคลื่อนธุรกิจสู่ New S-Cure อย่างเต็มรูปแบบในปี 2565

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน สู่ New S-Cure ในปี 2565 บริษัทฯ ได้ตั้งงบสำหรับการลงทุน (CAPEX) ไว้ประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งมาจากกระแสเงินสดของกิจการเป็นหลัก โดยแบ่งเป็นการลงทุนในธุรกิจหลัก (Core Business) จำนวน 100 ล้านบาท เพื่อใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยการนำนวัตกรรมการผลิตในรูปแบบใหม่ๆเข้ามาเพื่อต่อยอดและตอบโจทย์การผลิตผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเกี่ยวกับ กัญชง เนื่องจากตั้งแต่ต้นปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทฯมียอดออเดอร์การผลิตผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่สกัดน้ำมันจากเมล็ดกัญชง (Hemp Seed Oil) เข้ามาอย่างต่อเนื่อง และมีการทยอยส่งมอบให้กับลูกค้าบางส่วนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ขณะเดียวกันบริษัทฯได้เตรียมขยายไลน์การผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในรูปแบบ เจล และ เจลลี่ ที่มีความนิยมค่อนข้างมากในประเทศเกาหลีใต้ และ ประเทศญี่ปุ่น โดยในปัจจุบันเริ่มได้รับความนิยมที่มากขึ้นในประเทศไทย ซึ่งในปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาสูตรพัฒนา แพคเกจจิ้ง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารร่วมกับลูกค้า โดยคาดว่าจะสามารถออกผลิตภัณฑ์ได้ในไตรมาส2/2565

ส่วนงบลงทุนอีก 100 ล้านบาท บริษัทฯเตรียมนำไปขยายการลงทุนเครื่องจักรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการด้านสกัดให้มีขีดความสามารถในการสกัดสารออกมาให้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้บริษัทฯยังได้มีการเจรากับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในการผลิตจากต่างประเทศ ทั้งด้านเทคโนโลยี และนวัตกรรมของผลิตภัณฑ์ ที่มีความต้องการที่จะเข้ามาขยายธุรกิจในประเทศไทย เพื่อที่จะสร้างฐานการผลิตด้านการสกัดสาร สำหรับรองการขยายตลาดไปในภูมิภาค โดยมองทั้งการร่วมลงทุน และการอนุญาตให้ใช้สิทธิ (Licensing) ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงไตรมาส 3/2565

"ตั้งแต่ภาวะเศรษฐกิจมีการชะลอตัวในช่วงที่ผ่านมาจนฉุดกำลังซื้อของผู้บริโภค DOD เริ่มมีการวางแผนในการปรับโครงการธุรกิจใหม่ เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาวให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น บริษัทฯจึงเห็นควรว่าต้องมีการหยุดการดำเนินงานของบริษัทย่อยทั้ง 2 แห่ง ซึ่งประกอบด้วยธุรกิจเครื่องสำอางและธุรกิจเครือข่าย(บริษัท พีซีซีเอ แล็บบอราเทอรี่ จำกัด (PCCA), บริษัท อัลทิมา ไลฟ์ จำกัด) เพื่อหยุดการขาดทุนต่อเนื่อง และเพิ่มไลน์ธุรกิจเกี่ยวกับโรงสกัด เพื่อเน้นสารสกัดจากกัญชง พืชกระท่อม และพืชสมุนไพรไทย (บริษัท สยาม เฮอเบิล เทค จำกัด) เพื่อให้ส่งเสริมและสนับสนุนธุรกิจหลักแทน ซึ่งการดำเนินกลยุทธ์ Backward Integration จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มและสามารถรักษาความสามารถในการแข่งขันให้กับกลุ่มบริษัทได้อย่างมั่นคง โดยจะผลักดันให้ DOD ก้าวสู่ New S-curve เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในการเติบโตครั้งใหม่ ซึ่งนั่นก็รวมถึงมีการปรับโครงสร้างคณะกรรมการบริษัทฯ เพื่อให้สอดรับการปรับโครงสร้างธุรกิจด้วยเช่นเดียวกัน "

ด้านนางสาวสุวารินทร์ ก้อนทอง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน "DOD" กล่าวว่า แม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอย่างรุนแรงจากโรคระบาดไวรัสโคโรนา (COVID-19) จนส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานในปี 2564 ทำให้มีรายได้จากการขายจำนวน 1,015.32 ล้านบาท ลดลง 62.01 ล้านบาท หรือลดลงในอัตราร้อยละ 5.76 และกำไรจากการดำเนินงานจำนวน 307.78 ล้านบาท ลดลง 46.45 ล้านบาท หรือลดลงในอัตราร้อยละ 13.11 อย่างไรก็ตาม บริษัทก็ยังมีกำไรสำหรับปีจากการดำเนินงานต่อเนื่องลดลงจาก 290.78 ล้านบาท เป็น 233.11 คิดเป็นอัตราร้อยละ 19.83 แต่ด้วยสภาวะเศรษฐกิจที่มีความเสี่ยงสูงและเปราะบางทำให้บริษัทได้ประเมินความเสี่ยงจากการดำเนินธุรกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาว จึงเห็นควรว่าต้องมีการหยุดการดำเนินงานของบริษัทย่อย 2 แห่ง ซึ่งประกอบด้วยธุรกิจเครื่องสำอางและธุรกิจเครือข่าย

ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญทำให้กำไรส่วนของบริษัทใหญ่ลดลง 49.79 ล้านบาท ลดลงในอัตราร้อยละ 64.75 เทียบจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัทเล็งเห็นว่าการปรับโครงสร้างองค์กรในครั้งนี้จะส่งผลให้บริษัทมีการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต

สำหรับฐานะทางการเงินของบริษัทยังมีสภาพคล่องและความมั่นคงทางการเงินในระดับที่แข็งแกร่ง พิจารณาได้จากอัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียน (Current Ratio) เท่ากับ 2.42 เท่า และมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (Debt to Equity Ratio) เท่ากับ 0.29 เท่า

ที่มา: มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ