นายอภิเษก เทวินทรภักติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เบริล 8 พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ BE8 เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้รวม 379.11 ล้านบาท เติบโต 21.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 312.54ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 82.14 ล้านบาท เติบโต 247.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา นับว่าบริษัทฯ ประสบความสำเร็จอย่างสูงจากเป็นที่ปรึกษาด้าน Digital Transformation แบบครบวงจร โดยมีรายได้จากการขายและให้บริการมาจากการให้บริการด้านเทคโนโลยี งานสนับสนุนด้านเทคโนโลยี รวมถึงการขายและการให้เช่าใช้สิทธิการใช้ซอฟต์แวร์ ในรูปแบบการให้บริการรายเดือนซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นรายได้ประจำเติบโต 46.1% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ตอกย้ำถึงรากฐานรายได้ของบริษัทฯ ที่มั่นคงจากลูกค้าที่นำเทคโนโลยีขับเคลื่อนธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ด้วยความมุ่งมั่นนำเสนอเทคโนโลยีและซอฟต์จากพันธมิตรระดับโลกอยู่เสมอที่สอดรับองค์กรต่างๆ ทำให้บริษัทฯ สามารถขยายฐานลูกค้าทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ทั้งองค์กรขนาดใหญ่ ขนาดกลางและผู้ประกอบการ SMEs เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องครอบคลุมทั้งธุรกิจค้าปลีก สถาบันทางการเงิน ธุรกิจประกันภัย กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เบริล 8 พลัส กล่าวว่า แผนดำเนินงานปี 2565 บริษัทฯ มุ่งให้บริการให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์และพัฒนาเทคโนโลยี การให้บริการเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์โดยผนึกกำลังกับพันธมิตรระดับโลก เพื่อสนับสนุนการทรานส์ฟอร์เมชั่นภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง และเดินหน้าขยายฐานลูกค้าใหม่ในกลุ่มงานของภาครัฐ เนื่องจากมีโครงการขนาดใหญ่ที่เร่งทรานส์ฟอร์เมชั่นในการเสริมสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับประเทศไทย โดยบริษัทฯ เตรียมเข้าร่วมประมูลงานของภาครัฐอย่างเนื่อง เพื่อผลักดันผลการดำเนินงานเติบโตอย่างมั่นคง ซึ่ง ณ วันที่ 24 ก.พ. 2565 บริษัทฯ มีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) 557 ล้านบาท และคาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ 365 ล้านบาท หรือราว 65% ของงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog)
ทั้งนี้ในปีนี้จะเป็นก้าวสำคัญของ BE8 สู่การเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยบริษัทฯ จะเข้าร่วมทุนกับพันธมิตรในการใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างสินค้าและบริการใหม่ๆ โดยใช้เทคโนโลยีมาขับเคลื่อนสร้างรายได้รูปแบบใหม่ที่อยู่ล้ำหน้า Disruption เพื่อสนับสนุนธุรกิจที่ปรึกษาด้าน Digital Transformation แบบครบวงจร คาดว่าการเจรจาข้อตกลงและเงื่อนไขของสัญญาร่วมทุนเสร็จสิ้นภายในไตรมาส 1/65 อีกทั้งบริษัทฯ มีแผนจะลงทุนในการควบรวมกิจการ (Mergers & Acquisitions) เพิ่มเสริมรากฐานทางธุรกิจให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น คาดว่าจะการดำเนินการเสร็จสิ้น ภายในไตรมาสที่ 2 /65
ขณะที่แนวโน้มอุตสาหกรรมดิจิทัลปี 2565 คาดการณ์จะเติบโตต่อเนื่อง จากภาคธุรกิจทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนที่กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการทำ Digital Transformation ทำให้ภาครัฐและภาคเอกชนต้องนำเทคโนโลยีมาขับเคลื่อนธุรกิจ มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขันทั้งในกระบวนการผลิตไปสู่การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาพัฒนาโมเดลธุรกิจเพื่อเพิ่มคุณค่าใหม่ๆ หรือตอบสนองความต้องการของลูกค้าแบบเฉพาะเจาะจง สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
ที่มา: เอ็มที มัลติมีเดีย