นายซุง ชง ทอย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชริ้งเฟล็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SFT หนึ่งในผู้นำการให้บริการ Labeling Solutions แบบครบวงจรด้วยผลิตภัณฑ์ฉลากฟิล์มหดรัดรูปในภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 2564 แม้มีความท้าทายเชิงบริหารจัดการจากปัจจัยลบโควิด-19 อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังประสบความสำเร็จการผลักดันผลการดำเนินงานให้เติบโตได้ตามเป้าหมาย โดยทำรายได้จากการขายรวมทั้งสิ้น 793.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปัจจัยขีดความสามารถการปรับตัวสูงขึ้น และหลังมีการเดินเครื่องจักรสายการผลิตที่ 5 ตั้งแต่ปลายไตรมาส 2/2564 ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มที่เป็นภาคอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน และกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง ได้ดียิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ต้องเผชิญกับความเสี่ยงด้านราคาวัตถุดิบที่มีการปรับตัวขึ้น ประกอบกับรักษาอัตราการเดินเครื่องจักรเฉลี่ยทั้งปีของระบบการพิมพ์แบบกราเวียร์อยู่ที่ 74.74% และระบบการพิมพ์แบบดิจิทัล 36.74% ทำให้ SFT ได้รับประโยชน์จากการประหยัดต่อขนาด (Economy of Scale ส่งผลให้กำไรสุทธิทำได้ 111.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผล งวดผลการดำเนินงานปี 2564 ในอัตรา 0.1015 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 14 มีนาคม 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 17 พฤษภาคม 2565
"SFT ยังคงสร้างการเติบโตที่ดีสะท้อนศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่ง แม้มีปัจจัยความเสี่ยงจากโควิด-19 โดยนำความสามารถด้านการผลิตฉลากฟิล์มหดรัดรูปช่วยสนับสนุนความต้องการลูกค้าภาคอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ที่มีฤดูกาลขายสินค้าในช่วงหน้าร้อนผลักดันการเติบโตตามกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทฯ ควบคู่กับบริหารจัดการด้านต้นทุนในทุกด้านให้มีประสิทธิภาพ ทำให้เราสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้" นายชุง ชง ทอย กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SFT กล่าวว่า แผนดำเนินงานปี 2565 บริษัทฯ ตั้งเป้าเติบโต 15-20% โดยนำความพร้อมด้านฐานการผลิตฉลากฟิล์มหดรัดรูปทั้งระบบการพิมพ์แบบกราเวียร์และระบบการพิมพ์ดิจัล สนับสนุนความต้องการลูกค้าใช้ฉลากฟิล์มหดรัดรูปเพื่อสร้างตราสินค้าให้โดดเด่น เพื่อทำตลาดทั้งในและต่างประเทศ หลังสัญญาณเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวที่ดีขึ้น รวมถึงมีแผนกิจกรรมการตลาดร่วมงานแฟร์ เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่ให้เข้ามาใช้บริการฉลากฟิล์มหดรัดรูประบบการพิมพ์แบบดิจิทัล และเมื่อยอดขายสินค้าของลูกค้าเพิ่มขึ้นก็สามารถปรับมาใช้ระบบการพิมพ์แบบกราเวียร์ต่อไป เพื่อรักษาฐานลูกค้าในระยะยาว ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังเดินหน้าวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนด้วยระบบการพิมพ์แบบดิจิทัล (Digital Flexible Packaging) อย่างต่อเนื่อง ถือเป็น S-Curve ของ SFT เพื่อทดลองทำตลาดกับฐานลูกค้าเดิม รวมถึงนำเสนอผลิตภัณฑ์ดังกล่าวแก่ลูกค้าใหม่ๆ ช่วยส่งเสริมอัตราการใช้เครื่องจักรสูงขึ้นและผลักดันการเติบโตของบริษัทฯ อีกทางหนึ่งด้วย
ที่มา: เอ็ม ที มัลติมีเดีย