นายวีรวัฒน์ บูรพพัฒนพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PTC ผู้ประกอบธุรกิจคลังน้ำมันสำหรับรับ เก็บ ผสมและจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง เปิดเผยว่า หลังการผ่อนคลายการล็อกดาวน์จากภาครัฐในช่วงปลายปี 2564 ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยบวกที่ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศ ทั้งการบริโภคและการท่องเที่ยว รวมถึงการเปิดประเทศที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างกำลังซื้อของผู้บริโภคให้ฟื้นคืนกลับมา โดยเฉพาะช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 ประกอบกับเป็นช่วงไฮซีซันทำให้มีปริมาณการใช้น้ำมันในประเทศยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนยอดจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงในเดือนธันวาคม 2564 จากคลังน้ำมันทั้ง 2 แห่งของ PTC ที่สามารถทำสถิติสูงสุด (All time high) โดยมียอดจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงรวมประมาณ 120 ล้านลิตรต่อเดือน และยังมีทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่องโดยปริมาณการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงเดือนมกราคม 2565 ทำได้สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้
ขณะที่ผลการดำเนินงานในปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้จากการให้เช่าและบริการ 221.15 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการลดลงของยอดจำหน่ายน้ำมันในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิดจากการล็อกดาวน์ในช่องเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2564 ขณะที่กำไรสุทธิทำได้ 97.90 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากปีก่อน อย่างไรก็ดี บริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิ 44.06% ซึ่งทำได้ดีกว่าปีที่ผ่านมา
พร้อมกันนี้ หลังจากที่บริษัทฯ ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น ในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานในปี 2564 เป็นเงินสดในอัตรา 0.10 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 16 มีนาคม 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 24 เดือน พฤษภาคม นี้
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PTC กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับทิศทางผลการดำเนินงานในปี 2565 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน ทั้งนี้ บริษัทฯ เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยปี 2565 น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการกลับเข้าสู่ภาวะปกติ หลังจากที่เผชิญวิกฤตโควิด-19 มาตั้งแต่ปี 2563 โดยมองว่าปีนี้ยอดจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงจากคลังน้ำมันทั้ง 2 แห่งจะเติบโตตามภาพรวมเศรษฐกิจ ซึ่งในปี 2565 ตามการคาดการธนาคารแห่งประเทศไทย คาดว่า GDP จะฟื้นจากการเติบโต 0.9% เป็น 3.4% และมีแผนการขยายตลาดร่วมเติบโตไปพร้อมผู้ค้าน้ำมันที่ยังเน้นการขยายสถานีบริการน้ำมันเป็นหลัก ตราบใดที่จำนวนสถานีบริการน้ำมันยังเพิ่ม ก็ยิ่งมีความจำเป็นต้องมีคลังเป็นจุดกระจายน้ำมันรองรับ ซึ่งศักยภาพของ PTC ก็มีความพร้อมจะร่วมเติบโต สำหรับราคาน้ำมันที่ผันผวน ณ ปัจจุบันไม่กระทบต่อรายได้ของบริษัทฯ เนื่องจากรายได้ของ PTC มาจากการให้บริการ รับ เก็บ ผสม และจ่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิงเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในแผนการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน เกี่ยวกับพลังงานไฟฟ้าเพิ่มเติม เพื่อขยายเข้าสู่การลงทุนในธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้ประจำอย่างสม่ำเสมอ (Recurring Income)
ที่มา: เอ็ม ที มัลติมีเดีย