สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติผนึกไมโครซอฟท์ ประเทศไทย พร้อมอีก 7 พันธมิตร ปฏิรูประบบเทคโนโลยีสารสนเทศด้านการแพทย์ฉุกเฉิน

พฤหัส ๑๐ มีนาคม ๒๐๒๒ ๑๔:๕๑
สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ จับมือ 8 พันธมิตร ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและดิจิทัล พัฒนาแพลตฟอร์มกลางสำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการแพทย์ฉุกเฉินของประเทศ (National EMS Data Exchange Platform) มุ่งขับเคลื่อนองค์กรด้วยข้อมูลดิจิทัล และยกระดับการให้บริการการแพทย์ฉุกเฉินอย่างเต็มตัว โดยพันธมิตรทั้ง 8 ราย ได้แก่ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (สพร.), ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข, สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.), บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน), สถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ภาครัฐ, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท Coraline จำกัด ร่วมแถลงข่าวความร่วมมือการสนับสนุนและขับเคลื่อนโครงการฯ ในวันที่ 9 มีนาคม 2565 ณ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ
สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติผนึกไมโครซอฟท์ ประเทศไทย พร้อมอีก 7 พันธมิตร ปฏิรูประบบเทคโนโลยีสารสนเทศด้านการแพทย์ฉุกเฉิน

นาวาเอก นายแพทย์ พิสิทธิ์ เจริญยิ่ง รองเลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ กล่าวว่า "ท่านเลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ เรืออากาศเอกนายแพทย์อัจฉริยะ แพงมา ได้ให้ความสำคัญของการปฏิรูประบบเทคโนโลยีสารสนเทศด้านการแพทย์ฉุกเฉิน และการขับเคลื่อนภารกิจด้านการแพทย์ฉุกเฉินด้วยข้อมูล เพื่อนำไปสู่การยกระดับการให้บริการการแพทย์ฉุกเฉินในรูปแบบดิจิทัลทั้งระบบ จึงได้ส่งเสริมและผลักดันให้เกิดโครงการการปฏิรูประบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และจัดทำเครื่องมือสำหรับการบริหารจัดการข้อมูล หรือเป็นแพลตฟอร์มกลางสำหรับการบูรณาการ แลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการแพทย์ฉุกเฉินของทั้งประเทศ เพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน และการให้บริการด้านการแพทย์ฉุกเฉินทั้งระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ กับโครงการ National EMS Data Exchange Platform องค์ประกอบที่สำคัญของแพลตฟอร์มกลางดังกล่าว ได้แก่การพัฒนานโยบายธรรมาภิบาลข้อมูล (Data Governance) การสร้างมาตรฐานชุดข้อมูล (Data Set and Standard) การสร้างมาตรฐานการเข้าถึงข้อมูล (Data Access Control) การบริหารจัดการข้อมูลเชิงคุณภาพ (Data Quality Control) การรักษาความปลอดภัยของข้อมูล (Data Security Control) โดย มีเป้าหมายเพื่อให้เป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการแพทย์ฉุกเฉินทั้งระบบและเป็นมาตรฐานของประเทศ"

นายโอม ศิวะดิตถ์ ผู้บริหารระดับสูงด้านนโยบายภาครัฐ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "ไมโครซอฟท์ต้องขอขอบคุณสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ที่ให้เกียรติในการเข้าร่วมพัฒนาโครงการนี้ สำหรับไมโครซอฟท์ข้อมูลมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการดำเนินธุรกิจ ทั้งในด้านการสนับสนุนการทำงานไปจนกระทั่งการพัฒนานโยบายต่างๆ เพื่อนำข้อมูลมาใช้งานให้เกิดประโยชน์สูงสุดซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ด้วยความร่วมมือในครั้งนี้ ไมโครซอฟท์จะทำหน้าที่ให้คำปรึกษาและส่งต่อองค์ความรู้ในการบริหารจัดการข้อมูล นำปัญญาประดิษฐ์เข้ามาใช้เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก พร้อมสนับสนุนการปฏิรูปสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติให้เป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล และช่วยพัฒนาแพลตฟอร์มกลางสำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการแพทย์ฉุกเฉินให้มีความสำเร็จสูงสุด ไปจนกระทั่งปรับใช้กับนโยบายต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนการมุ่งสู่ภารกิจประเทศไทย 4.0 อย่างสมบูรณ์แบบ"

ไมโครซอฟท์ ได้ให้การสนับสนุนการปฏิรูประบบเทคโนโลยีสารสนเทศด้านการแพทย์ฉุกเฉิน ขับเคลื่อนองค์กรด้วยข้อมูลดิจิทัลด้วยระบบข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ (Data & AI) เข้ามาวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก โดยในการพัฒนาโครงการนำร่องจะใช้งานบน Microsoft Azure และ Power BI ซึ่งการวิเคราะห์ข้อมูลจะเข้ามาช่วยให้เห็นแนวทางการพัฒนาและส่งมอบบริการต่างๆ ได้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อการทำงานของหน่วยงาน และช่วยเหลือประชาชนให้เข้าถึงการใช้บริการสายด่วน 1669 ที่ให้บริการผู้ปวยฉุกเฉินได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น

รองเลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า "นอกจากอำนาจหน้าที่ของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ที่เป็นไปตามพระราชบัญญัติการแพทย์ฉุกเฉิน 2551 ตามมาตรา 15 (3) คือการจัดให้มีระบบปฏิบัติการฉุกเฉินรวมถึงการบริหารจัดการและการพัฒนาระบบสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติการด้านการแพทย์ฉุกเฉินแล้วนั้น การได้มีโอกาสในการดำเนินโครงการดังกล่าวนี้ จะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งภาครัฐและเอกชน ในด้านการบูรณาการ แลกเปลี่ยน เชื่อมโยงข้อมูลด้านการแพทย์ฉุกเฉินของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งประเทศ นอกจากนี้ยังทำให้ ลดต้นทุนในการพัฒนาระบบสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวนี้ในภาพรวมของประเทศ สุดท้ายประชาชนจะสามารถเข้าถึงบริการด้านการแพทย์ฉุกเฉินเป็นไปอย่างเท่าเทียม ทั่วถึง มีมาตรฐาน ทันสมัย และมีความยั่งยืน"

ที่มา: ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน สแตรทิจีส์ ประเทศไทย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๙:๕๕ ดร.เอ้ สุดยอดผู้นำด้าน AI เชื่อมั่น รพ.พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร จะปฏิวัติการแพทย์ไทย ด้วย AI พร้อมความตั้งใจอันแน่วแน่
๐๙:๐๓ รมว.นฤมล ผลักดันกฎระเบียบว่าด้วยสินค้าที่ปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่าของสหภาพยุโรป (EUDR)
๐๙:๑๖ เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ร่วมกับ สภากาชาดไทย ชวนร่วมบริจาคโลหิต 26 ธันวาคมนี้ ชั้น 7 โซน A เพิ่มโลหิต เพิ่มชีวิต
๐๙:๔๗ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดเต็ม!! ลงพื้นที่เร่งลดความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาส สร้างชีวิตแก่ชาวหนองคายอย่างยั่งยืน
๐๙:๕๕ มูลนิธิอายิโนะโมะโต๊ะ ส่งมอบอาคารโรงอาหารอายิโนะโมะโต๊ะ ให้แก่ โรงเรียนบ้านดอนมะกอก จังหวัดสุราษฎร์ธานี
๐๙:๐๕ กทม. เข้มงวดโครงการก่อสร้างคอนโดฯ ในซอยสุขุมวิท 93 ปฏิบัติตามมาตรการ EIA
๐๙:๕๐ การเคหะแห่งชาติตั้งเป้าสร้างที่อยู่อาศัยรองรับสังคมผู้สูงอายุ
๐๙:๒๘ ทำอย่างไรจึงจะทำให้มีการใช้ generative AI มากขึ้น
๐๙:๔๐ NocNoc จับมือ กฟผ. ส่งความสุขปีใหม่ให้คนรักบ้าน มอบส่วนลดสินค้าประหยัดไฟเบอร์ 5 สูงสุด 500 บาท เมื่อช้อปผ่าน NocNoc Chat Shop ทัก-ช้อป-ลด เริ่ม 25 ธ.ค. 67
๐๙:๑๔ Warrior ตั้ม ศุภกิตติ์ หรือ ตั้ม โทมัส ทอม จากทีมมาสเตอร์ ดร.อั้ม อธิชาติ คว้าชัย The Social Warrior คนแรกของประเทศไทย