'เอคอมเมิร์ซ กรุ๊ป' ผู้นำการให้บริการขับเคลื่อนธุรกิจอีคอมเมิร์ซอย่างครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในอาเซียน เดินหน้าขยายฐานลูกค้าแบรนด์ระดับโลกและบุกตลาดเวียดนาม

จันทร์ ๑๔ มีนาคม ๒๐๒๒ ๑๓:๔๒
'บมจ.เอคอมเมิร์ซ กรุ๊ป' ผู้นำในการให้บริการขับเคลื่อนธุรกิจอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ที่สุดใน 5 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชูจุดเด่นด้านบริการที่หลากหลายและครบวงจร ภายใต้แพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่มี API เชื่อมต่อกว่า 300 รายการ และโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุนธุรกิจอีคอมเมิร์ซเต็มรูปแบบสามารถรองรับคำสั่งซื้อมากกว่า 330,000 คำสั่งซื้อต่อวัน โดยในปี 2564 บริษัทฯ ได้บริหารจัดการอีคอมเมิร์ซแบบครบวงจรให้กับแบรนด์สินค้าระดับโลกและระดับท้องถิ่น ณ สิ้นปี 2564 ถึง 168 ราย โดย 13 แบรนด์เป็นแบรนด์ระดับโลกจากลำดับ 100 แบรนด์แรกในปี 2564 ตามข้อมูลของ InterBrand มีคำสั่งซื้อสินค้ากว่า 8.02 ล้านรายการ คิดเป็นมูลค่าสินค้าที่บริษัทฯ บริหารจัดการอย่างครบวงจร (End-to-End Merchandise Value - EMV) จำนวนถึง 10,149 ล้านบาท
'เอคอมเมิร์ซ กรุ๊ป' ผู้นำการให้บริการขับเคลื่อนธุรกิจอีคอมเมิร์ซอย่างครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในอาเซียน เดินหน้าขยายฐานลูกค้าแบรนด์ระดับโลกและบุกตลาดเวียดนาม

นายวีระพงษ์ (พอล) ศรีวรกุล ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท เอคอมเมิร์ซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ถือเป็นผู้นำให้บริการสนับสนุนธุรกิจอีคอมเมิร์ซ (E-commerce enabler) อย่างครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณร้อยละ 16.5 เมื่อพิจารณาจากยอดขายสินค้ารวม (Gross Merchandise Value หรือ GMV) ปี 2563 อ้างอิงข้อมูลจาก Euromonitor ปัจจุบันได้ให้บริการแก่ลูกค้าใน 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์และสิงคโปร์ พร้อมทั้งจะมุ่งขยายธุรกิจในระดับภูมิภาคเพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2565 Euromonitor คาดว่ามูลค่าสินค้าที่บริหารจัดการโดย ecommerce enabler จะมีมูลค่าสูงกว่า 300,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะรักษาส่วนแบ่งการตลาดอย่างน้อยให้เท่ากับอัตราปัจจุบันที่ร้อยละ 16.5 ทั้งนี้ มูลค่าสินค้าที่บริหารจัดการโดย ecommerce enabler ในปี 2565 จะคิดเป็นประมาณเพียงร้อยละ 8.3 จากมูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซใน 6 ประเทศในอาเซียนที่มีศักยภาพเติบโตไปถึงประมาณ 4 ล้านล้านบาท บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นที่จะช่วยทำให้การประกอบธุรกิจอีคอมเมิร์ซในอาเซียนเป็นเรื่องที่ง่ายสำหรับแบรนด์ระดับโลกและระดับท้องถิ่น พาแบรนด์ก้าวข้ามผ่านความท้าทายด้านกฎหมายอีคอมเมิร์ซในแต่ละประเทศ และความซับซ้อนโลจิสติกส์ในแต่ละท้องถิ่น และมีการเติบโตที่ก้าวกระโดดเหมือนเช่นที่บริษัทฯ ได้เคยช่วยเพิ่มยอดขายให้กับลูกค้าแบรนด์ 10 อันดับแรกของบริษัทฯ ให้เติบโตถัวเฉลี่ยกว่าร้อยละ 71.7 ต่อปีตั้งแต่ปี 2562

บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจมากว่า 9 ปี ได้รับความเชื่อถือจากแบรนด์ระดับโลกและระดับประเทศอย่างต่อเนื่อง อาทิเช่น 3M และ Unilever โดยบางแบรนด์ยังคงใช้บริการของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่องตั้งแต่บริษัทฯ เริ่มดำเนินธุรกิจในปีแรก บริษัทฯ มีจุดแข็งในด้านการมีประสบการณ์ที่ยาวนานในการบริหารจัดการธุรกิจอีคอมเมิร์ซให้กับแบรนด์ระดับโลก และประเทศ ทำให้บริษัทฯ สามารถให้กลยุทธการขาย โปรโมชั่น ช่องทางการโฆษณา และราคาขายที่เหมาะสมกับช่องทางออนไลน์ที่ทำให้แบรนด์สามารถรักษาภาพลักษณ์และส่งเสริมธุรกิจออฟไลน์ของแบรนด์ได้ด้วย ซึ่งเมื่อประกอบกับโครงสร้างพื้นฐานและแพลตฟอร์มเทคโนโลยีลิขสิทธิ์เฉพาะของบริษัทฯ (EcommerceIQ) ที่สามารถรองรับการดำเนินธุรกิจอีคอมเมิร์ซขนาดใหญ่อย่างครบวงจรให้กับแบรนด์ และการมีความสัมพันธ์และระบบเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการโลจิสติกส์กว่า 30 รายใน 5 ประเทศทำให้บริษัทฯ สามารถเลือกผู้ให้บริการที่ดีที่สุดเพื่อการจัดส่งถึงมือผู้บริโภคได้อย่างตรงเวลาภายใต้ต้นทุนที่เหมาะสม รวมถึงข้อมูลที่ผ่านแพลตฟอร์มเทคโนโลยีของบริษัทฯ จะได้รับการจัดเก็บวิเคราะห์และประมวลผลเพื่อนำเสนอกลยุทธการขายในครั้งต่อไปให้กับแบรนด์ จุดแข็งทั้งหมดเหล่านี้ทำให้บริษัทฯ มีความสัมพันธ์ที่ต่อเนื่องกับแบรนด์ผู้ใช้บริการ และทำให้มียอดขายสินค้าแบบที่บริษัทฯ ให้บริการครบวงจร (End-to-End Merchandise Value) เติบโตอย่างต่อเนื่องกว่าร้อยละ 51.65 ต่อปีตั้งแต่ปี 2562

การให้บริการที่หลากหลายอย่างครบวงจรของบริษัทฯ ประกอบไปด้วย โซลูชั่นที่จะสนับสนุนแบรนด์สินค้าต่างๆ ให้สามารถพัฒนาการจำหน่ายสินค้าบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ทั้งเว็บสโตร์ มาร์เก็ตเพลสและโซเชียลมีเดีย ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยมีบริการครอบคลุมทั้งการออกแบบและพัฒนาร้านค้าออนไลน์ (Webstore Development) การบริหารร้านค้าให้กับแบรนด์ต่างๆ (Brand Store Operations) การให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์ (E-commerce Strategy Consulting) เช่น กำหนดราคา, ทำโปรโมชั่น, บริหารสินค้าคงคลัง เป็นต้น บริการคลังสินค้าครบวงจร (Warehousing and Fulfillment) เพื่ออำนวยความสะดวกด้านโลจิสติกส์และบริหารสต๊อกสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ การรับชำระเงินและการจัดส่งสินค้า (Payment and Delivery) เช่น เชื่อมต่อกับผู้ให้บริการจัดส่งสินค้า เป็นต้น การวิเคราะห์ข้อมูลและให้ข้อมูลในเชิงลึก (Data Analytics and Insights) เพื่อกำหนดหรือปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ตลอดจนมีศูนย์บริการและดูแลลูกค้า (Customer Care Solutions) เพื่อช่วยเหลือแบรนด์ต่างๆ ในการสื่อสารกับลูกค้า นอกจากนี้ บริษัทฯ มีผลิตภัณฑ์ ซอฟต์แวร์ as-a-service (SaaS) ซึ่งปัจจุบันให้บริการ Market Insights และ Client Analytic ที่บริษัทฯ ได้รับค่าธรรมเนียมแบบสมัครสมาชิก โดยบริษัทฯ อยู่ระหว่างการพัฒนา Ecommerce IQ SaaS นี้ เพิ่มเติมให้เป็น Full-suite โดยการนำ function ที่มีอยู่บนแพลตฟอร์มเทคโนโลยี Ecommerce IQ ที่ให้กับแบรนด์ผู้ใช้บริการแบบ end-to-end solution อยู่แล้วของบริษัทฯ (เช่น การบริหารช่องทางการขายออนไลน์แบบอัตโนมัติ การคัดเลือกผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่มีต้นทุนที่เหมาะสมและรวดเร็วที่สุดโดยอัตโนมัติ) นำมาทำให้มีความเป็นมิตรต่อผู้ใช้งานและเป็นระบบอัตโนมัติมากขึ้น เพื่อให้แบรนด์ SME หรือแบรนด์ขนาดใหญ่ สามารถใช้บริการได้ด้วยตนเอง (self-service) เป็นการขยายฐานลูกค้า และเพิ่มอัตราการทำกำไร เนื่องจาก SaaS นั้นพัฒนาบนแพลตฟอร์มเทคโนโลยี Ecommerce IQ ของบริษัทฯ ที่ได้รับการพัฒนามากว่า 9 ปีแล้ว ภายใต้งบที่ได้ลงทุนไปแล้วกว่า 800 ล้านบาท

การให้บริการสนับสนุนธุรกิจอีคอมเมิร์ซอย่างครบวงจรของบริษัทฯ ดำเนินการผ่านแพลตฟอร์มทางเทคโนโลยีที่ทันสมัย ได้แก่ 1) แพลตฟอร์มเทคโนโลยี "EcommerceIQ" ที่ช่วยให้ผู้ใช้บริการสามารถใช้ประโยชน์จากชุดเครื่องมือต่างๆ เช่น การบริหารการจัดจำหน่ายหลายช่องทางการขาย (Channel Management) การจัดการคำสั่งซื้อ (Order Management) การบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์ (Logistics Management) การบริหารจัดการผู้บริโภค (Customer Management) และการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) เพื่อความสะดวกในการทำธุรกรรมอีคอมเมิร์ซและจัดเก็บข้อมูลต่างๆ โดยรองรับคำสั่งซื้อสินค้าได้กว่า 330,000 ออเดอร์ต่อวัน 2) ผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ 'EcommerceIQ SaaS' ซึ่งติดตั้งภายใต้แพลตฟอร์ม EcommerceIQ โดยให้บริการในรูปแบบสัญญาเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงแก่ผู้ใช้บริการให้สามารถเข้าใจผู้บริโภคและคู่แข่ง กำหนดราคาสินค้า วางตำแหน่งการตลาดให้กับแบรนด์ได้อย่างถูกต้อง พัฒนากลยุทธ์ด้านอีคอมเมิร์ซและความสัมพันธ์กับผู้บริโภคในทุกช่องทาง นอกจากนี้คาดว่าในปี 2565 - 2566 จะนำเสนอบริการเพิ่มเติม ได้แก่ การบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์, บริหารจัดการช่องทางการขายและคำสั่งซื้ออีคอมเมิร์ซ, เปิดตัวและบริหารร้านค้าออนไลน์ และการขายออนไลน์ตรงถึงผู้บริโภค (DTC) และ 3) ผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์หรือบริการอย่างใดอย่างหนึ่ง (Value Added Services) ที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เช่น การพัฒนาเว็บสโตร์, บริหารจัดการคลังสินค้าและโลจิสติกส์ เป็นต้น

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ลงทุนพัฒนาแพลตฟอร์มเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เริ่มดำเนินธุรกิจมากว่า 9 ปี โดยเชื่อมต่อเข้ากับซอฟต์แวร์ช่องทางการเชื่อมต่อ (Application Programing Interfaces หรือ APIs) ของบริษัทมีจำนวนกว่า 300 การเชื่อมต่อไปยังแพลตฟอร์มและผู้ให้บริการต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซ ประกอบด้วย แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ ผู้ให้บริการรับชำระเงิน แพลตฟอร์มสินค้าคงคลัง ลูกค้า และผู้ที่เกี่ยวข้องในระบบนิเวศน์การขายสินค้าออนไลน์ จึงทำให้แบรนด์สินค้าไม่ต้องลงทุนด้านเทคโนโลยีเองเพื่อรองรับการใช้บริการอีคอมเมิร์ซ

นอกจากนี้ นับจากเริ่มดำเนินธุรกิจปี 2556 บริษัทฯ เชื่อมต่อแบรนด์กับผู้บริโภคปลายทางแล้วกว่า 12 ล้านราย โดย ณ สิ้นปี 2564 บริษัทฯ มีแบรนด์สินค้าในไทยและระดับโลกที่ใช้บริการถึง 168 ราย ซึ่งมาจากหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ 3เอ็ม, ยูนิลีเวอร์, ควิกซิลเวอร์, นารายา ฯลฯ บริหารจัดการสินค้ากว่า 39,221 รายการ และบริหารจัดการีคำสั่งสั่งซื้อถึง 8.02 ล้านรายการ ขณะที่มูลค่าคำสั่งซื้อสินค้าเฉลี่ยใน 5 ประเทศที่ให้บริการ ณ ไตรมาส 4/2564 อยู่ที่ 1,331.2 บาทต่อออเดอร์ เทียบกับไตรมาส 1/2563 อยู่ที่ 1,059 บาทต่อออเดอร์ และเป็นไตรมาสที่บริษัทฯ เริ่มมีกำไรสุทธิอยู่ที่กว่า 45.9 ล้านบาท

"นอกจากการเติบโตในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้มีการลงนามในข้อตกลงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ DKSH ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านการขยายตลาดชั้นนำในภูมิภาคเอเชีย และ DKSH ยังเป็นพันธมิตรที่ยอดเยี่ยมและเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่เชิงกลยุทธ์ของเรามาตั้งแต่ปี 2558 ด้วยข้อตกลงใหม่นี้ DKSH จะร่วมมือเป็นพาร์ทเนอร์กับ aCommerce เพียงรายเดียว สำหรับการให้บริการธุรกิจ online แบบ B2C ทั้งหมดในประเทศที่ aCommerce ดำเนินการได้แก่ ประเทศไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และประเทศเวียดนาม โดย DKSH จะโอนและแนะนำแบรนด์ที่ต้องการขยายธุรกิจ online B2C ในประเทศดังกล่าวมาให้กับ aCommerce ทั้งหมด ในไตรมาสที่ 4/ 2564 แบรนด์ที่ใช้บริการของเราแบบ end-to-end เพิ่มขึ้นจาก 120 แบรนด์ เป็น 168 แบรนด์ ส่วนใหญ่รับโอนมาจาก DKSH โดยเฉพาะลูกค้าในมาเลเซีย และสิงคโปร์ ทำให้เรามีโอกาสได้ให้บริการแก่แบรนด์ใหม่ๆ หลายรายจาก DKSH และเราวางแผนที่จะเร่งขยายธุรกิจไปยังเวียดนามหลังจากที่เสนอขายหุ้น IPO เพื่อสนับสนุน DKSH และแบรนด์ในระดับโลกและภูมิภาคที่เป็นลูกค้าของเราในปัจจุบัน ที่ต้องการให้เราให้บริการในประเทศเวียดนาม" นายวีระพงษ์ (พอล) กล่าว

ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท เอคอมเมิร์ซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวต่อว่า ขณะที่ภาพรวมธุรกิจอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคอาเซียนมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทวิจัยการตลาดชั้นนำ Euromonitor คาดการณ์ว่าภาพรวมการทำธุรกรรมอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์) จะมีมูลค่าตลาดรวมเพิ่มขึ้นจาก 52,302 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2563 เป็น 129,152 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2568 หรือเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 19.8 ต่อปี จากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล หลังจากเกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 การเข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ตอย่างครอบคลุมและการพัฒนาระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ สอดคล้องกับภาพรวมตลาดผู้ให้บริการสนับสนุนธุรกิจอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่คาดว่าจะมีมูลค่าตลาดรวมเพิ่มขึ้นจาก 2,331 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2563 เป็น 10,740 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2568 จากการปรับตัวของแบรนด์สินค้าที่ต้องการจำหน่ายสินค้าแบบหลากหลายช่องทาง (Omnichannel)

บริษัทฯ จึงวางกลยุทธ์ขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ 1.มุ่งพัฒนาความสัมพันธ์ในฐานะพันธมิตรกับกลุ่มผู้ใช้บริการอีคอมเมิร์ซครบวงจรระดับโลกของบริษัทฯ เพื่อเพิ่มจำนวนแบรนด์และรายการสินค้า 2.ลงทุนพัฒนาแพลตฟอร์มทางเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการ 3.ขยายพื้นที่ให้บริการไปยังประเทศเวียดนามและยกระดับการดำเนินธุรกิจในมาเลเซียเพื่อสร้างการเติบโตที่ดี 4.ขยายฐานผู้ใช้บริการอีคอมเมิร์ซครบวงจรรายใหม่และกลุ่มสินค้าใหม่ๆ ในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ 5.มุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ EcommerceIQ SaaS ทั้งในด้านคุณสมบัติการใช้งานและความปลอดภัยในการรักษาข้อมูลเพื่อขยายฐานผู้ใช้บริการรายใหม่เพิ่มขึ้น และ 6. พิจารณาเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์เพื่อรองรับการพัฒนาเทคโนโลยีและขยายตลาดในประเทศใหม่ๆ ทั้งนี้ โอกาสในการควบรวมกิจการมีอยู่เป็นจำนวนมากสำหรับผู้เล่นรายใหญ่ในตลาด ecommerce enabler ที่มีความ fragmented ตัวอย่างเช่น ผู้เล่นอันดับ 1-5 ในประเทศเวียดนามมีมูลค่าสินค้าที่บริหารจัดการรวมกันทั้งหมดน้อยกว่า GMV ของ aCommerce ในปี 2563 ทำให้ aCommerce มีโอกาสเข้าซื้อกิจการหรือเข้าร่วมทุนและพัฒนาศักยภาพของของกิจการร่วมทุนในอนาคตให้เติบโต

นางสาวเพ็ญสิริ เสถียรวงศ์นุษา ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประจำประเทศไทย (CEO) บริษัท เอคอมเมิร์ซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยช่วงที่ผ่านมาเติบโตอย่างต่อเนื่องสอดคล้องกับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีมูลค่าตลาดรวมเพิ่มขึ้นจาก 1,705 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2559 เป็น 8,520 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2563 หรืออัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีร้อยละ 49.5 จากข้อมูลของ Euromonitor นอกจากนี้ Euromonitor คาดการณ์ว่า ในปี 2563 - 2568 ภาพรวมธุรกิจอีคอมเมิร์ซในไทยจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีร้อยละ 20.6 โดยจะมีมูลค่าตลาดรวมเพิ่มขึ้นจาก 10,140 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2564 เป็น 21,712 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2568 เนื่องจากรายได้เฉลี่ยต่อหัวของประชากรที่เพิ่มขึ้น การพัฒนาระบบจัดส่งสินค้าและการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคที่คาดว่าจะสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์ต่อไป ถึงแม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในอนาคตจะคลี่คลาย

ทั้งนี้ บริษัทฯ ถือเป็นผู้ให้บริการสนับสนุนธุรกิจอีคอมเมิร์ซอย่างครบวงจรที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดในประเทศไทย
ในปี 2563 อยู่ที่ร้อยละ 39.1 ของส่วนแบ่งทางการตลาดของยอดขายสินค้าจากต้นทางไปยังปลายทาง (EMV) ในประเทศไทยที่ 192.8 ล้านเหรียญสหรัฐ จากข้อมูลของ Euromonitor

"บริษัทฯ วางแผนขยายฐานลูกค้าผู้ใช้บริการอีคอมเมิร์ซครบวงจรอย่างต่อเนื่อง ทั้งผู้ใช้บริการรายใหม่และผู้ใช้บริการที่เป็นผู้ประกอบการท้องถิ่นในแต่ละประเทศ โดยจะขยายพื้นที่ให้บริการไปยังประเทศใหม่ๆ และขยายฐานผู้ใช้บริการอีคอมเมิร์ซกลุ่มสินค้าประเภทอื่นๆ ที่มีศักยภาพการเติบโต สามารถสร้างอัตรากำไรและกระแสเงินสดสูง เช่น กลุ่มของเล่น สินค้าตกแต่งบ้านและสวน" นางสาวเพ็ญสิริ กล่าว

ที่มา: เอ็ม ที มัลติมีเดีย

'เอคอมเมิร์ซ กรุ๊ป' ผู้นำการให้บริการขับเคลื่อนธุรกิจอีคอมเมิร์ซอย่างครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในอาเซียน เดินหน้าขยายฐานลูกค้าแบรนด์ระดับโลกและบุกตลาดเวียดนาม

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗ ม.ค. วว. ร่วมกับพันธมิตรเปิดศูนย์การเรียนรู้วิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตไม้ดอกไม้ประดับ ต.เหมืองแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
๑๗ ม.ค. กระแสดีเกินคาด! WOW Festival 2025 ปรากฏการณ์ใหม่ ปลุกพลังคน เติมเต็มพลังเมือง พร้อมขนเซอร์ไพรส์รอทุกคนถึง 19 ม.ค.
๑๗ ม.ค. นั่งชิลๆ จิบน้ำชายามบ่ายพร้อมขนมเลิศรส ณ ที แอนด์ ทิปเปิ้ล ชั้น 23
๑๗ ม.ค. CPW จัดโปรเด็ด!! ช้อปสินค้าไอทีลดหย่อนภาษีสูงสุด 30,000 บาท
๑๗ ม.ค. LDC เดินหน้าปี 2568 บุกตลาดภาคใต้ เตรียมเปิด 3 สาขาใหม่ ย้ำมาตรฐานศูนย์ทันตกรรม โมเดลโรงพยาบาลขนาดเล็ก
๑๗ ม.ค. เชอร์วู้ดฯ ร่วมกับ มูลนิธิคุณแม่ลี้กิมเกียวฯ แจกนมฮอกไกโด ถั่วมารูโจ้ ส่งความสุข ฉลองวันเด็กแห่งชาติ 2568
๑๗ ม.ค. ขายบัตรแล้ว! นิตยสารแพรว พร้อมเสิร์ฟความน่ารักของ เก่ง น้ำปิง ในงาน Praew Meet Read Into The Wild with Keng
๑๗ ม.ค. ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้ สุขสมหวัง ร่ำรวย เฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนกับอาหารจีนเลิศรส ณ ห้องอาหารจีนแทพเพสทรี ใน 3 โรงแรมชั้นนำเครือเคป แอนด์
๑๗ ม.ค. เตรียมจองซื้อ หุ้นกู้ดิจิทัลบางจาก อายุ 4 ปี ดอกเบี้ย 3.15% บนแอปฯ เป๋าตัง ครั้งแรกกับการให้สิทธิ์ผู้ถือหุ้นกู้ดิจิทัลบางจากจองซื้อก่อน ดีเดย์ 7-13 ก.พ. 68
๑๗ ม.ค. วิลล่า เทวา รีสอร์ท โฮเทล กรุงเทพฯ ประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยม: ได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับ 5 จาก 1,257 โรงแรมในกรุงเทพฯ บนเว็บไซต์