ผศ.ดร.ศิริเดช กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อโลกเปลี่ยนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจต้องปรับเปลี่ยนตาม สำหรับแผนธุรกิจแบบเดิมอาจไม่ได้ผลลัพธ์ตามเป้าหมาย เนื่องจากวิถีชีวิตของคนในอนาคตจะอยู่ทั้งใน Real World และ Virtual World ซึ่งอาจจะเป็นโลกคู่ขนานกันไป ทั้งโลกในความเป็นจริงและโลกเสมือน เพราะฉะนั้น ธุรกิจต้องรีบปรับแผนธุรกิจแบบ Real Time เพื่อให้ทันต่อเหตุการณ์และเพิ่มช่องทางการตลาดให้ทันคู่แข่ง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด เช่น ซุปเปอร์มาเก็ต Walmart ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกใหญ่ที่สุดของโลก ได้นำ Metaverse มาสร้างช่องทางการซื้อแบบ Virtual ลูกค้าที่เข้ามาจับจ่ายซื้อของไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน และได้รับความรู้สึกการ Shopping ที่เสมือนจริงได้ นี้อาจจะเป็นตัวอย่างของธุรกิจที่ปรับตัวตามพฤติกรรมของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี
"หากมองในมุมของผู้ประกอบการ ธุรกิจค้าปลีกในอนาคตอาจจะต้องปรับขนาดห้างให้เล็กลง และไปเพิ่มช่องทางการตลาดใน Virtual World เนื่องจากช่องทางการตลาดดังกล่าวลดอุปสรรคทางด้านการเดินทางและให้ความรู้สึกเสมือนจริงกับผู้บริโภค ยิ่งไปกว่านั้น การปรับแผนธุรกิจใหม่จะทำให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ทั้งในโลกจริงและโลกเสมือน พร้อมยังช่วยประหยัดต้นทุนในระยะยาวและเพิ่มโอกาสทางการตลาดได้มากขึ้น" ผศ.ดร.ศิริเดช กล่าว
ผศ.ดร.ศิริเดช กล่าวในตอนท้ายว่า ภาคเอกชนต้องรีบปรับตัวเข้าไปอยู่ในโลกเสมือน พร้อมปรับ Business Model ให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป รวมถึงต้องศึกษาและเรียนรู้นวัตกรรมทางการเงินที่เปลี่ยนไปด้วย สุดท้ายนี้ อยากให้เจ้าของธุรกิจวิเคราะห์แผนธุรกิจในอนาคตให้ออก ถ้ายังใช้แผนเดิม ๆ ไม่ปรับตัวอาจจะไม่ทันคู่แข่งขันและการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
ที่มา: มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์