Fund Selector Asia Awards 2022 ได้ประกาศผลรางวัล ด้านต่างๆ ให้บริษัทจัดการในประเทศไทย โดยทางบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTAM) สามารถกวาดรางวัลมาได้ถึง 3 ด้าน ได้แก่ 1. รางวัล Asset Manager of the Year 2. รางวัล Excellence in Service 3. รางวัล Equity House of the Year
ในส่วน International Finance Publications ทางบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTAM) สามารถคว้ามาได้ 2 รางวัล ได้แก่ รางวัล Best New Mutual Fund Project-Open Ended Guaranteed Fund และ รางวัล Best New Digital Asset Management Product-KTAM Smart Trade
ชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย เปิดเผยว่า ท่ามกลางสถานการณ์ที่ผันผวนต่อเนื่องมา บลจ.กรุงไทยยังคงปฏิบัติภารกิจด้วยความทุ่มเท มุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจ จึงส่งผลให้ บลจ.กรุงไทยสามารถคว้ารางวัลระดับสากลถึง 5 รางวัล ซึ่งรางวัลที่ได้รับล้วนแต่เป็นสิ่งที่การ้นตีถึงความตั้งใจและใส่ใจในการดำเนินธุรกิจเพื่อผู้ลงทุนอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นด้านการบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าและนักลงทุน การพัฒนาระบบ นวัตกรรมและเทคโนโลยี การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การบริหารกองทุนด้วยความรอบครอบในทุกสถานการณ์ รวมถึงความเป็นเลิศในการบริการจัดการตราสารทุนในไทยและภาพรวมในกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมในไทยที่ดีที่สุดในปีที่ผ่านมา
สำหรับในปี 2565 ที่นักลงทุนยังคงต้องเผชิญสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่าง รัสเซีย-ยูเครน บลจ.กรุงไทย ในฐานะผู้นำด้านการจัดการการลงทุนถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่งที่จะต้องก้าวเดินอย่างระมัดระวัง และต้องมีการวางกลยุทธ์สำหรับอนาคตและนำเสนอขั้นตอนทางยุทธวิธีที่น่าเชื่อถือเพื่อส่งมอบตามพันธกิจของการเป็นเพื่อนนักลงทุนอย่างยั่งยืนให้แก่ลูกค้าทุกคน
นอกจากที่กล่าวมาข้างต้น นางชวินดา ยังกล่าวเสริมอีกว่า KTAM ยังมองโอกาสในการเติบโตด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง อาทิ เมื่อธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา แอปพลิเคชัน KTAM Smart Trade สามารถให้บริการเปิดบัญชีซื้อขายกองทุนแบบเรียลไทม์ (Online Open Account) โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ดังนั้นในอนาคตนักลงทุนจะสามารถทำธุรกรรมต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วเพียงปลายนิ้วผ่านช่องทางออนไลน์โดยไม่ต้องไปที่ธนาคารหรือจัดเตรียมสำเนาเอกสารให้ยุ่งยาก นอกจากนี้เรายังใช้เทคโนโลยีความปลอดภัยต่างๆ ภายในโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลของลูกค้าทั้งหมดจะถูกเก็บไว้อย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องกังวล รวมถึงการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในด้านต่างๆ เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของนักลงทุนที่ทันสมัยขึ้น ปรับปรุงกระบวนการลงทุนกับสินทรัพย์ทุกประเภท การมีมาตรฐานในการคัดเลือกสินทรัพย์และความรอบคอบในการกำกับดูแล รวมถึงขยายแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ ให้มีความหลากหลายเพื่อดึงดูดลูกค้า เช่น Facebook, YouTube, Twitter, Clubhouse, PodBean และ Spotify เพื่อให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงข้อมูลผลิตภัณฑ์และบทวิเคราะห์ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ตอบโจทย์ชีวิตสมัยใหม่ของนักลงทุนได้คลอบคลุม รวดเร็วตามสถาการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลาให้เพิ่มมากขึ้นด้วย
ที่มา: คิธ แอนด์ คิน คอมมิวนิเคชั่น แอนด์ คอนซัลแตนท์