TPIPP โชว์ความสำเร็จ เป็นบริษัทโรงไฟฟ้าจากวัสดุเหลือใช้รายแรกในไทยที่จดทะเบียน RE100 พร้อมเดินหน้าก้าวสู่การเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานสีเขียว 100% ภายในปี 2569

พุธ ๑๖ มีนาคม ๒๐๒๒ ๐๙:๔๒
บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP ประกาศความสำเร็จ เป็นบริษัทด้านพลังงานรายแรกในประเทศไทย ที่ได้เข้าจดทะเบียนในโครงการ RE100 อย่างเป็นทางการ เดินหน้าลดใช้ถ่านหินสู่การใช้เชื้อเพลิงขยะครบ 100% พร้อมตั้งเป้าเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานสีเขียว 100% ภายในปี 2569 ลดคาร์บอนจากการฝังกลบได้ 12 ล้านตันต่อปี ตอกย้ำศักยภาพผู้นำอันดับหนึ่งโรงไฟฟ้าพลังงานสีเขียวที่ช่วยกำจัดขยะให้ประเทศ
TPIPP โชว์ความสำเร็จ เป็นบริษัทโรงไฟฟ้าจากวัสดุเหลือใช้รายแรกในไทยที่จดทะเบียน RE100 พร้อมเดินหน้าก้าวสู่การเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานสีเขียว 100% ภายในปี 2569

นายภัคพล เลี่ยวไพรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบัญชีและการเงิน บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยึดมั่นนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน (ESG & Bio Circular-Green Economy-BCG) โดยมุ่งเน้นการเติบโตอย่างสมดุลในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม บนพื้นฐานการกำกับดูแลกิจการที่ดี เพื่อเป็นบริษัทที่เติบโตอย่างยั่งยืนได้รับความเชื่อถือในระดับสากล ล่าสุด TPIPP ประสบความสำเร็จในการเข้าจดทะเบียนในโครงการ RE 100 อย่างเป็นทางการ และถือเป็นบริษัทโรงไฟฟ้าจากวัสดุเหลือใช้แห่งแรกในประเทศไทยที่ได้มาตรฐานนี้ โดยตั้งเป้าว่าจะเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานสีเขียว 100% ภายในปี 2569

ทั้งนี้ โครงการ RE100 เป็นโครงการระดับโลกภายใต้การนำของ The Climate Group ร่วมด้วย CDP มีเป้าหมายผนึกกำลังบริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลก เช่น Apple, Google, Facebook, Coca-Cola, Microsoft, Philips และ Goldman Sachs ให้ใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ภายในกรอบเวลาที่สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยแต่ละองค์กรที่เข้าร่วมโครงการ RE100 ตั้งเป้าใช้ไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน 100% ในการดำเนินงานทั้งหมดทั่วโลก ซึ่งมาตรการนี้จะเป็นผลบวกกับอุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เดินหน้าก้าวสู่การเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานสีเขียว 100% โดยได้เริ่มทยอยเปลี่ยนโรงไฟฟ้าจำนวน 220 เมกะวัตต์ ให้ใช้เชื้อเพลิงขยะซึ่งจะส่งผลให้โรงไฟฟ้าทุกโรงของบริษัทใช้ขยะเป็นเชื้อเพลิงครบ 100% ในปี 2568 ส่งผลให้ TPIPP จะมี Net Zero Carbon Emission และมี Carbon Credit ที่คาดว่าจะขายได้ประมาณ 12.45 ล้านตันต่อปี ตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป ถือเป็นการตอกย้ำศักยภาพบริษัทผู้นำอันดับหนึ่งโรงไฟฟ้าพลังงานสีเขียวที่ช่วยกำจัดขยะให้ประเทศ (Green & Clean Energy)

"นอกจากคำมั่นสัญญาของประเทศไทยในการประชุม COP26 เรื่องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้ว ยังมีเรื่องRE100 ที่ถือเป็นเทรนด์ของโลก ซึ่งองค์กรชั้นนำทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก ต่างให้คำมั่นการใช้พลังงานสะอาด 100% ทั้งการผลิตเองรวมถึงการซื้อพลังงานสะอาดจากกลุ่ม RE100 ซึ่งการที่ TPIPP ได้เข้าจดทะเบียนใน RE100 นี้ แสดงถึงศักยภาพและโอกาสทางธุรกิจที่จะเกิดขึ้นอีกมาก นอกจากนี้เรายังพยายามเป็นผู้ผลิตที่ไม่มีการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างยั่งยืนและต่อเนื่อง โดยในปีนี้เราพยายามปรับปรุงประสิทธิภาพ รวมถึงนำเอา RDF เข้ามาใช้เพื่อเสริมศักยภาพและลดต้นทุนในการผลิตไฟฟ้า" นายภัคพล กล่าว

ปัจจุบัน TPIPP ได้รับขยะเฉลี่ยต่อวัน 8,500 ตัน หรือคิดเป็น 2.5 ล้านตันต่อปี ซึ่งช่วยลดคาร์บอนจากการฝังกลบได้ 5.8 ล้านตันต่อปี และภายในปี 2569 คาดว่าจะขยายการรับขยะเฉลี่ยต่อวันเพิ่มเป็น 17,000 ตัน หรือคิดเป็น 5.2 ล้านตันต่อปี ซึ่งจะช่วยลดคาร์บอนจากการฝังกลบได้ 12 ล้านตันต่อปี และลดก๊าซมีเทนที่เกิดจากขยะที่ส่งผลต่อภาวะเรือนกระจกได้อีกทางหนึ่ง

ที่มา: เอ็ม ที มัลติมีเดีย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ