นายกิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวภายหลังจากได้รับการประกาศอันดับเครดิตองค์กรจากทริสเรทติ้ง ซึ่งได้ปรับเพิ่มอันดับเครติดองค์กรของ SINGER จาก "BBB-" เป็นระดับ "BBB" ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" โดยการปรับเพิ่มอันดับเครดิตนั้นสะท้อนถึงฐานทุนที่มีความแข็งแกร่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนถึงสถานะทางการตลาด ตลอดจนผลการดำเนินงานและคุณภาพสินทรัพย์ของสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคของบริษัทที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องว่า
"นับเป็นความก้าวหน้าขององค์กรจากมุมมองทริสเรทติ้งที่ให้ความเชื่อมั่นในบริษัทฯ จากแผนทางธุรกิจที่มีความชัดเจนต่อเนื่อง อันเนื่องมาจากการที่บริษัทมีฐานทุนที่แข็งแกร่งซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มทุนใหม่จำนวนกว่าหมื่นล้านบาทในปี 2564 ถือเป็นปัจจัยบวกของบริษัทอันนำมาซึ่งการปลดล็อคด้านเงินทุนของบริษัท เปิดโอกาสให้บริษัทมีเม็ดเงินเพียงพอในการขยายพอร์ตลูกค้า รวมถึงการลดต้นทุนทางการเงิน อันจะส่งผลเชิงบวกถึงผลประกอบการ และการทำกำไรของบริษัทฯ การได้รับการปรับเรตติ้งจากทริสเรทติ้ง ดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของบริษัทได้เป็นอย่างดี ในอันที่จะสามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดในอนาคต"
ในด้านของภาระหนี้นั้น บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนลดลงเหลือเพียง 0.6 เท่า ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2564 จาก 2.3 เท่า ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2563 อัตราส่วนดังกล่าวต่ำกว่าข้อกำหนดทางการเงินที่บริษัทต้องดำรงหนี้สินต่อทุนไม่ให้เกิน 3 เท่า รวมถึงการขยายสินเชื่ออย่างต่อเนื่องผ่านการดำเนินงานของบริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) ในช่วงปีที่ผ่านมา โดยมีสินเชื่อเติบโตเพิ่มขึ้น 64% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2564 แม้ต้องเผชิญกับสภาพเศรษฐกิจที่ท้าทายอันเป็นผลสืบเนื่องมาจากโรคโควิด-19 แต่บริษัทก็สามารถทำการตลาดเชิงรุกได้อย่างต่อเนื่องในการขยายธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน รวมถึงสินเชื่อเช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ในด้านของการรักษาคุณภาพลูกหนี้ บริษัทมีอัตราส่วนลูกหนี้ที่มีการด้อยค่าด้านเครดิต หรือ NPL ได้ลดลงเหลือเพียง 3.9% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2564 คุณภาพสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันของบริษัทอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 1% อันมาจากนโยบายในการอนุมัติสินเชื่อที่เข้มงวด ตลอดจนมีกระบวนการจัดเก็บหนี้ที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการควบคุมค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองสำหรับผลขาดทุนที่คาดว่าจะเกิดอย่างเพียงพอ ทำให้บริษัทสามารถรักษาคุณภาพสินทรัพย์โดยรวมเอาไว้ได้อย่างแข็งแกร่ง
ในปี 2565 บริษัทวางเป้าหมายขยายพอร์ตสินเชื่อเป็น 15,500 ล้านบาท ตั้งเป้ากำไรเติบโตในระดับ 75% ทำ All Time High อีกครั้ง หลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากนักลงทุนและพาร์ทเนอร์เข้ามาเสริมความแข็งแกร่ง และการ Synergy ร่วมกับ JMART Group, BTS Group และพันธมิตร ที่เข้ามาเติมเต็ม Ecosystem คาดจะสนับสนุนให้ปีนี้ SINGER มีผลิตภัณฑ์ และการขยายฐานไปยังลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ เพิ่มเติมอีก สนับสนุนให้ช่องทางการขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์มีโอกาสเติบโตขึ้น
ทั้งนี้ในส่วนของ บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SGC นั้น ในปี 2565 นี้จะเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่อีกก้าวหนึ่งเนื่องจากอยู่ในระหว่างแผนการ Spin-Off เพื่อนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ซึ่งคาดว่าจะยื่นไฟลิ่งได้ภายในปีนี้อย่างแน่นอน ทั้งนี้เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในการสร้างฐานทุนของบริษัทฯ ให้มากขึ้น และเปิดโอกาสการเติบโตของบริษัทให้เป็นไปอย่างก้าวกระโดดในอนาคตเช่นกัน
ที่มา: ไออาร์ พลัส