นางสาวชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) WP เปิดเผยว่าภาพรวมการดำเนินธุรกิจปีนี้ มีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง โดยตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 5% จากปี 2564 หรือประมาณ 12,000 ล้านบาท โดยรายได้จากธุรกิจ LPG ยังเป็นรายได้หลัก โดยมมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจ LPG 98%
พร้อมกันนี้ได้ตั้งเป้ายอดขายก๊าซปิโตเลียมเหลว (LPG) เพิ่มเป็น 765,000 ตัน จากปี 2564 ที่มียอดขายเท่ากับ 700,000 ตัน แบ่งเป็นขายภายในประเทศ 740,000 ตัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 96.5% และส่งออก 25,000 ตัน คิดเป็นสัดส่วน 3.5%
สำหรับกลยุทธ์หลักที่สร้างการเติบโตให้กับกลุ่มบริษัทฯ ปีนี้เน้นสร้างแบรนด์ "เวิลด์แก๊ส" เป็นแบรนด์หลักในการสร้างรายได้ โดยจะขยายเครือข่ายการจัดจำหน่ายผ่านการเพิ่มตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่ต่างๆ ภายในประเทศ ซึ่งตั้งเป้าภายใน 3 ปีครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อให้สามารถเข้าถึงลูกค้า ได้กว้างขวาง และครอบคลุมมากขึ้นทั้งในกลุ่ม B2B และ B2C
ในส่วนของธุรกิจโรงซ่อมถังหรือบำรุงรักษาถังก๊าซ อุปกรณ์ และส่วนควบของเตาแก๊สหุงต้มที่ได้ดำเนินการมาแล้วนั้น ทำให้บริษัทฯ สามารถประหยัดต้นทุน และควบคุมคุณภาพได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีกำลังการซ่อมอยู่ที่ประมาณ 4.3 แสนใบต่อปี ในส่วนของการส่งออกไปยังต่างประเทศ บริษัทได้มองถึงการ Trading LPG ในภูมิภาคในปริมาณเพิ่มเติม เพื่อรองรับการขยายตัว ทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ซึ่งปัจจุบันได้ Trading LPG ไปยัง ประเทศเวียดนาม เรียบร้อยแล้ว โดยในปีที่ผ่านมามียอดการส่งออกอยู่ที่กว่า 18,581 ตัน
ทั้งนี้ เพื่อตอบโจทย์ในสิ่งที่ลูกค้าต้องการ บริษัทได้นำเทคโนโลยีมาใช้ในการอำนวยความสะดวกเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายเวิล์ดแก๊สผ่านช่องทางออนไลน์ สามารถสั่งแก๊สออนไลน์ ติดตามข่าวสาร สะสมคะแนนสำหรับกิจกรรม CRM ต่างๆ โดยได้นำเอา CRM Platform ตอบโจทย์ลูกค้า B2B2C ในส่วนธุรกิจ B2B มุ่งเป็น one Stop Service พร้อมนำระบบ Data I-care มาช่วยในการบริหารจัดการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า ในหลายๆ มิติ
สำหรับธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) ในปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 20 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีกำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ และบริษัทฯมีความพร้อมที่จะรับงานใหม่ๆเพิ่มเติม ด้วยการแสวงหาพลังงานใหม่ๆ ที่เป็นอนาคตของธุรกิจพลังงานที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ในระยะยาว ที่ไม่ได้จำกัดเพียงแค่ solar rooftop แต่รวมถึง Solar farm ด้วย
ขณะที่ก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) บริษัทมองเห็นความต้องการใช้ที่มากขึ้น โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งในอนาคตบริษัทฯ สามารถที่นำเสนอทั้งก๊าซ LPG และ LNG ให้กับลูกค้ารายใหม่ๆ ได้ โดยบริษัทคาดหวังว่าจะสามารถให้บริการลูกค้า ในธุรกิจก๊าซ LNG เพิ่มเติมได้ในปีนี้
ทั้งนี้แนวโน้มอุตสาหกรรมก๊าซ LPG ภาคครัวเรือนปีนี้จะฟื้นตัวอย่างชัดเจนตามความต้องการใช้ก๊าซ LPG ที่คาดว่าจะกลับมาเติบโตตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เนื่องจากเป็นสินค้าที่ต้องใช้และมีความจำเป็นในชีวิตประจำวัน ประกอบกับในวันที่ 1 เมษายนนี้ ภาครัฐกำหนดนโยบายให้มีการปรับขึ้นราคาก๊าซเป็นรูปแบบขั้นบันได โดยก๊าซหุงต้มLPG ขนาดถัง 15 กก. จะปรับขึ้นราคาจาก 318 บาท เป็น 333 บาท หรือเฉลี่ยขึ้น กิโลกรัมละ 1 บาท
"จากการเข้าลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้นทำให้ในภาพรวมธุรกิจในอนาคตจะมีความแข็งแกร่งมากขึ้น ซึ่งบริษัทฯ ยังมุ่งเน้นขยายไปสู่ธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวเนื่องกับ LPG เพื่อต่อยอดธุรกิจหลัก และเพิ่มศักยภาพในส่วนของรายได้และกำไร รวมถึงช่วยสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์ "เวิลด์แก๊ส" ให้มีศักยภาพมากขึ้นอีกด้วย"นางสาวชมกมล กล่าวในที่สุด
ที่มา: ไออาร์ เน็ตเวิร์ค