"ทรีนีตี้" ประเมินตลาดหุ้นเดือนเม.ย.แกว่งตัว Sideways ถึง Sideways down ตลาดขาดปัจจัยใหม่กระตุ้น แนะกลยุทธ์ "ตั้งรับ" แนวรับแรกที่ 1,630 จุด

ศุกร์ ๐๑ เมษายน ๒๐๒๒ ๑๕:๐๑
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางการลงทุนเดือน เม.ย.2565 เดือนแรกงวดไตรมาส 2 ปี 2565 ว่า ดัชนีมีแนวโน้มแกว่งตัว Sideways ถึง Sideways down จากการขาดปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้นตลาดและยังต้องติดตาม 5 ประเด็นสำคัญที่จะส่งผลต่อการลงทุนในเดือนนี้ ดังนั้นจึงแนะนำให้ใช้กลยุทธ์ "ตั้งรับ" มองจุดเพิ่มน้ำหนักที่น่าสนใจได้แก่ 1,630 จุด ซึ่งจะเป็นบริเวณที่ทำให้ดัชนีกลับมามี Upside ในมาตรวัด Earning yield gap (EYG) อีกครั้ง
ทรีนีตี้ ประเมินตลาดหุ้นเดือนเม.ย.แกว่งตัว Sideways ถึง Sideways down ตลาดขาดปัจจัยใหม่กระตุ้น แนะกลยุทธ์ ตั้งรับ แนวรับแรกที่ 1,630 จุด

นอกจากนี้คาดการณ์ภาวะ Flattening yield curve มีโอกาสดำเนินได้ต่อไป จากตัวเลขเงินเฟ้อเดือนนี้ที่น่าจะถีบตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะทำให้หุ้นกลุ่มเติบโต (Growth) สามารถให้ผลตอบแทน ที่ดีกว่าหุ้นกลุ่มมูลค่า (Value) นอกจากนั้น แนะนำให้ลงทุนหุ้นเติบโตขนาดกลาง-เล็กที่ยังได้ประโยชน์ทางอ้อมจากการระมัดระวังการใช้จ่ายของผู้คนมากขึ้น สะท้อนได้จากปริมาณเงินในระบบ M2 ที่ขยายตัวสูงสุดในรอบเกือบ 1 ปี

"สถานการณ์ M2 ของไทยขยายตัวสูงสุดในรอบเกือบ 1 ปี เป็นภาพที่คล้ายกับช่วงไตรมาส 2 ปี 2563 ที่ขณะนั้นหุ้นขนาดกลาง-เล็กคึกคัก ทั้งในแง่ของสภาพคล่องและการขยับขึ้นของราคาหุ้น" นายณัฐชาต กล่าว

สำหรับหุ้นขนาดกลางและเล็ก ที่มีอัตราการเติบโตน่าสนใจและมี Upside จากราคาเป้าหมายเชิงพื้นฐาน 10 ตัว ประกอบด้วย SA, TSR, SIMAT, IP, SVOA, IT, SUN, CHAYO, LEO และ AMR มองนักลงทุนสามารถจัดพอร์ตกระจายความเสี่ยงไปยังหุ้นทั้ง 10 ตัวนี้ได้ ซึ่งคาดว่าจะสามารถปรับตัว Outperform ตลาดและหุ้นขนาดใหญ่ได้ในช่วง 3 เดือนข้างหน้านี้

ส่วนในฝั่งของหุ้นขนาดใหญ่นั้น หากต้องเลือกลงทุน มองว่ากลุ่มหุ้นที่ปลอดภัยได้แก่ กลุ่มโรงพยาบาล ซึ่งราคาหุ้นช่วงที่ผ่านมาย่อตัวลงจนลดความร้อนแรงไปบ้างแล้ว นอกจากนั้นคาดว่าจะเริ่มเห็นนักวิเคราะห์ในตลาดทยอยออกมาประเมินผลการดำเนินงานไตรมาส 1/65 ในเชิงบวก ที่สำคัญมักเป็นกลุ่มที่ทนทานต่อแรงกดดันเงินเฟ้อในระดับสูงด้วยอยู่แล้ว เลือก BDMS, BCH, CHG, IMH เป็น Top pick ของกลุ่มต่อไป

สำหรับ 5 ปัจจัยสำคัญ ในเดือนนี้ที่นักลงทุนต้องติดตามได้แก่ 1.พัฒนาการความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของชาติตะวันตก ที่จะส่งผลต่อคาดการณ์เงินเฟ้อในอนาคต และการ Price in มาตรการ Tightening ของธนาคารกลางต่างๆ 2.พัฒนาการของความชัน Yield curve หลังล่าสุด 2s10s spread ของสหรัฐฯ ลดต่ำลงสู่ระดับใกล้ 0% และของไทยทำจุดต่ำสุดใหม่ของปี 3.รายงานตัวเลข PMI ภาคการผลิตทั่วโลกประจำเดือนมี.ค.ที่น่าจะออกมาอ่อนแอ โดยเฉพาะจีน ที่ล่าสุดประกาศออกมาต่ำกว่าระดับ 50 จุดเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือนแล้ว 4.รายงานตัวเลขเงินเฟ้อของไทยและสหรัฐฯ ประจำเดือนมี.ค.ที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นอย่างสำคัญ จากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่สูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้การจับจ่ายใช้สอยของผู้คนปรับตัวลดลงในช่วงถัดไป 5.การเผยแพร่รายงานการประชุม Fed รอบที่ผ่านมา (FOMC Minutes) โดยจะต้องติดตามดูว่าคณะกรรมการมีความเห็นอย่างไรต่อประเด็นการลดขนาดงบดุล

ที่มา: หลักทรัพย์ ทรีนีตี้

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ