การ์ทเนอร์ชี้แนวโน้มความปลอดภัยและจัดการความเสี่ยงที่ธุรกิจต้องจับตาปีนี้

จันทร์ ๐๔ เมษายน ๒๐๒๒ ๐๘:๕๙
ผู้บริหารด้านความปลอดภัยต้องพัฒนากลยุทธ์เพื่อปกป้องร่องรอยดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นจากภัยคุกคามใหม่ ๆ 
การ์ทเนอร์ชี้แนวโน้มความปลอดภัยและจัดการความเสี่ยงที่ธุรกิจต้องจับตาปีนี้

การ์ทเนอร์ อิงค์ เผยผู้บริหารด้านความปลอดภัยและจัดการความเสี่ยงต้องจัดการกับ 7 แนวโน้มสำคัญเพื่อปกป้องร่องรอยดิจิทัลที่เพิ่มมากขึ้นในองค์กรสมัยใหม่จากภัยคุกคามเกิดใหม่ในปี พ.ศ. 2565 และในอนาคต

ปีเตอร์ เฟิร์สบรู๊ค รองประธานฝ่ายวิจัยของการ์ทเนอร์ กล่าวว่า "องค์กรทั่วโลกกำลังเผชิญกับแรนซัมแวร์ที่มีความซับซ้อน มุ่งโจมตีระบบห่วงโซ่อุปทานดิจิทัลและสร้างช่องโหว่ที่ฝังลึก ซึ่งการแพร่ระบาดกระตุ้นให้เกิดการทำงานแบบไฮบริดและเปลี่ยนไปใช้ระบบคลาวด์ ท้าทายผู้บริหารไอทีในการรักษาความปลอดภัยแก่องค์กรที่มีการทำงานในลักษณะกระจายศูนย์เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็ต้องรับมือกับปัญหาการขาดแคลนทีมงานความปลอดภัยที่มีทักษะ"

ความท้าทายเหล่านี้ส่งผลต่อแนวทางปฏิบัติด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ 3 ประการ ดังนี้: (i) การตอบสนองใหม่ต่อภัยคุกคามที่มีความซับซ้อน (ii) วิวัฒนาการและการกำหนดรูปแบบเพื่อใช้เป็นแนวทางปฏิบัติด้านความปลอดภัยและ (iii) การทบทวนด้านเทคโนโลยี ซึ่งแนวโน้มต่อไปนี้ก่อให้เกิดผลกระทบต่ออุตสาหกรรมในวงกว้างและครอบคลุม 3 แนวทางปฏิบัติฯ ข้างต้น ได้แก่:

แนวโน้มที่ 1: การขยายพื้นผิวการโจมตี (Attack Surface Expansion)

การโจมตีระดับพื้นผิวองค์กรกำลังแผ่ขยายมากขึ้น เป็นความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการใช้ระบบไซเบอร์ทางกายภาพและ IoT โค้ดโอเพ่นซอร์ส แอปพลิเคชันบนคลาวด์ ห่วงโซ่อุปทานดิจิทัลที่ซับซ้อน, โซเชียลมีเดียและอื่น ๆ ที่พาองค์กรออกไปจากสินทรัพย์ที่ควบคุมได้ โดยองค์กรต้องมองข้ามวิธีการแบบเดิม ๆ ในการตรวจสอบ ตรวจจับ และตอบสนองความปลอดภัยเพื่อจัดการกับความเสี่ยงด้านความปลอดภัยวงกว้าง

บริการป้องกันความเสี่ยงดิจิทัล (Digital risk protection services หรือ DRPS) เทคโนโลยีการจัดการพื้นผิวการโจมตีภายนอก (External attack Surface Management หรือ EASM) และการจัดการพื้นผิวการโจมตีสินทรัพย์ทางไซเบอร์ (Cyber Asset Attack Surface Management หรือ CAASM) จะช่วยให้ผู้บริหารด้านความปลอดภัยมองเห็นระบบธุรกิจทั้งภายในและภายนอก พร้อมค้นพบช่องโหว่ด้านความปลอดภัยอย่างอัตโนมัติ

แนวโน้มที่ 2: ความเสี่ยงด้านห่วงโซ่อุปทานดิจิทัล (Digital Supply Chain Risk)

อาชญากรไซเบอร์ค้นพบว่าการโจมตีห่วงโซ่อุปทานดิจิทัลให้ผลตอบแทนที่สูงในการลงมือ เนื่องจากมีช่องโหว่ต่าง ๆ เช่น ช่องโหว่ของ Log4j ที่แพร่กระจายไปทั่วห่วงโซ่อุปทาน และคาดว่าจะมีภัยคุกคามใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่าภายในปี พ.ศ.2568 องค์กรทั่วโลก 45% จะพบการโจมตีบนห่วงโซ่อุปทานเพิ่มขึ้นสามเท่าจากปี 2564

ความเสี่ยงในห่วงโซ่อุปทานดิจิทัลต้องการแนวทางลดผลกระทบใหม่ ๆ ที่มีความละเอียดผ่านเกณฑ์การให้คะแนนและการแบ่งสัดส่วนของความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากทั้งผู้จัดจำหน่ายหรือพันธมิตร อาทิ การขอหลักฐานการควบคุมและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดด้านความปลอดภัย รวมถึงการปรับแนวคิดให้มีความยืดหยุ่นและการเตรียมพร้อมล่วงหน้าก่อนที่กฎระเบียบใหม่ ๆ จะเกิดขึ้นเพิ่มเติม

เทรนด์ที่ 3: การตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุกคามการระบุตัวตน (Identity Threat Detection and Response)

ผู้ที่เป็นภัยคุกคามและมีความช่ำชองกำลังมุ่งเป้ามาที่การยืนยันตัวบุคคลและการเข้าถึงการจัดการโครงสร้างพื้นฐาน (Identity and Access Management หรือ IAM) ซึ่งการใช้ข้อมูลประจำตัวในทางที่ผิดกลายเป็นเป้าการโจมตีหลัก การ์ทเนอร์ได้แนะนำ "การตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุกคามการระบุตัวตน" (Identity Threat Detection and Response หรือ ITDR) เพื่ออธิบายถึงเครื่องมือต่าง ๆ ที่รวบรวมไว้พร้อมแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับใช้ปกป้องระบบการระบุตัวตน

"องค์กรต่าง ๆ ได้ใช้ความพยายามอย่างมากในการปรับปรุงความสามารถของ IAM แต่ส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงการตรวจสอบและยืนยันตัวตนผู้ใช้งาน ซึ่งแท้จริงเป็นการเพิ่มพื้นผิวการโจมตีในส่วนโครงสร้างพื้นฐานความปลอดภัยทางไซเบอร์ โดยเครื่องมือ ITDR สามารถช่วยปกป้องระบบการระบุตัวตน ตรวจจับเมื่อถูกบุกรุก และช่วยแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพ" เฟิร์สบรู๊ค กล่าวเพิ่มเติม

แนวโน้มที่ 4: การกระจายการตัดสินใจ (Distributing Decisions)

ความต้องการและความคาดหวังด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ขององค์กรกำลังเติบโตถึงขีดสุด และผู้บริหารต้องการระบบความปลอดภัยที่คล่องตัวท่ามกลางพื้นผิวการโจมตีที่ขยายขอบเขตมากยิ่งขึ้น ดังนั้น ทั้งขอบเขต ขนาด และความซับซ้อนของธุรกิจดิจิทัลจึงจำเป็นต้องใช้รูปแบบการกระจายการตัดสินใจ รวมถึงกำหนดบทบาทและความรับผิดชอบเพื่อรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ทั่วทั้งหน่วยงานในองค์กร โดยไม่ใช้การตัดสินใจแบบรวมศูนย์

"บทบาทของผู้บริหารด้านความปลอดภัย (CISO) เปลี่ยนจากผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิคเป็นผู้จัดการความเสี่ยง ภายในปี พ.ศ. 2568 ฟังก์ชันความปลอดภัยทางไซเบอร์แบบรวมศูนย์เพียงฟังก์ชันเดียวจะมีความไม่คล่องตัวเพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการขององค์กรดิจิทัล ซึ่งผู้บริหารจะต้องกำหนดรูปแบบความรับผิดชอบของตนใหม่สำหรับให้คณะกรรมการในบอร์ดบริหาร ซีอีโอ และผู้นำธุรกิจอื่น ๆ เพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจเกี่ยวกับความเสี่ยงอย่างมีข้อมูล" เฟิร์สบรู๊ค กล่าวว่าเพิ่มเติม

แนวโน้มที่ 5: เหนือกว่าการรับรู้ (Beyond Awareness)

ข้อผิดพลาดของมนุษย์ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการละเมิดข้อมูลจำนวนมาก บ่งชี้ให้เห็นว่าแนวทางการฝึกอบรมแบบเดิม ๆ เพื่อให้ตระหนักถึงความปลอดภัยนั้นใช้ไม่ได้ผล องค์กรที่มีวิสัยทัศน์กำลังลงทุนในโครงการด้านวัฒนธรรมและพฤติกรรมการรักษาความปลอดภัยแบบองค์รวม (Security Behavior and Culture programs หรือ SBCPs) แทนที่จะจัดเป็นแคมเปญการรับรู้ด้านความปลอดภัยที่เน้นการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่ล้าสมัย แต่ SBCP กลับมุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมวิธีคิดและปลูกฝังพฤติกรรมใหม่ ๆ โดยมีเจตนากระตุ้นวิธีการทำงานที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นทั่วทั้งองค์กร

แนวโน้มที่ 6: รวมเทคโนโลยีความปลอดภัยจากผู้จัดจำหน่าย (Vendor Consolidation)

การผสานรวมเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยได้รับแรงหนุนมาจากความต้องการลดความซับซ้อน ลดค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพ แนวทางของแพลตฟอร์มใหม่ เช่น Extended Detection and Response (หรือ XDR), Security Service Edge (หรือ SSE) และ Cloud Native Application Protection Platforms (หรือ CNAPP) ที่กำลังมอบประโยชน์ให้แก่องค์กรด้วยการนำโซลูชันมาใช้อย่างผสมผสาน

การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่าภายในปี พ.ศ. 2567 องค์กร 30% จะใช้เว็บเกตเวย์ที่ปลอดภัยส่งข้อมูลผ่านคลาวด์ (Secure Web Gateway หรือ SWG) ใช้ผู้ให้บริการตรวจสอบและบริหารจัดการสิทธิด้านความปลอดภัย (Cloud Access Security Broker หรือ CASB) ใช้แนวคิดด้านความมั่นคงปลอดภัยแบบใหม่ที่ถือว่าระบบเครือข่ายทั้งหมดไม่ควรเชื่อถือซึ่งกันและกัน (Zero Trust Network Access หรือ ZTNA) และการใช้ไฟร์วอลล์ของสำนักงานสาขาเพื่อปกป้องระบบเครือข่ายของตนเอง (Firewall As A Service หรือ FWaaS) จากผู้จัดจำหน่ายเดียวกัน โดยการรวมฟังก์ชันความปลอดภัยหลาย ๆ อย่างจะช่วยลดต้นทุนโดยรวมของการเป็นเจ้าของ และปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานในระยะยาว อันนำไปสู่การรักษาความปลอดภัยโดยรวมที่ดีขึ้น

แนวโน้มที่ 7: ตาข่ายความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity Mesh)

เทรนด์การใช้ผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัยร่วมกันนั้นกำลังผลักดันให้เกิดการผสมผสานขององค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมด้านความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ยังมีความจำเป็นต้องกำหนดนโยบายความปลอดภัยให้สอดคล้องกัน เปิดใช้งานเวิร์กโฟลว์และแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างโซลูชันที่นำมาใช้ด้วยกัน สถาปัตยกรรมตาข่ายความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity Mesh Architecture หรือ CSMA) ช่วยจัดเตรียมโครงสร้างและรูปแบบการรักษาความปลอดภัยแบบบูรณาการเพื่อรักษาความปลอดภัยแก่ทรัพย์สินทั้งหมด ไม่ว่าจะอยู่ในองค์กร ในดาต้าเซ็นเตอร์ หรือในระบบคลาวด์

"แนวโน้มความปลอดภัยทางไซเบอร์เหล่านี้ของการ์ทเนอร์จะไม่ถูกแบ่งเป็นแนวโน้มใดแนวโน้มหนึ่ง เนื่องจากทุกแนวโน้มจะมีส่วนส่งเสริมซึ่งกันและกัน เมื่อรวมกันแล้วจะช่วยให้ผู้บริหารไอทีด้านความปลอดภัยพัฒนาบทบาทเพื่อรับมือกับความท้าทายด้านความปลอดภัยและการจัดการความเสี่ยงในอนาคตได้ ที่สำคัญสามารถยกระดับจุดยืนภายในองค์กรได้ต่อไป" เฟิร์สบรู๊ค กล่าวสรุป

ลูกค้า Gartner สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมในรายงาน "Top Trends in Cybersecurity 2022" หรือคลิกอ่านลำดับความสำคัญสูงสุดสำหรับผู้นำด้านความปลอดภัยในปี พ.ศ.2565 ได้ที่ 2022 Leadership Vision for Security & Risk Management Leaders

เกี่ยวกับ Gartner Security & Risk Management Summit 

นักวิเคราะห์ของการ์ทเนอร์นำเสนอผลวิจัยและคำแนะนำล่าสุดสำหรับผู้บริหารด้านความปลอดภัยและจัดการความเสี่ยงที่งาน Gartner Security & Risk Management Summits 2022 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 14-15 กุมภาพันธ์ ในภูมิภาคตะวันออกกลาง และจัดขึ้นในวันที่ 7-10 มิถุนายนที่ National Harbor แมรี่แลนด์ ประเทศสหรัฐอเมริกา, 21-22 มิถุนายนใน จัดที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ระหว่าง 25-27 กรกฎาคม จัดที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และ ระหว่าง 12-14 กันยายนในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ติดตามข่าวสารและการอัพเดทจากการประชุมทาง Twitter โดยใช้ #GartnerSEC

เกี่ยวกับ Gartner for Information Technology Practice 

Gartner for Information Technology Executives นำเสนอข้อมูลเชิงลึกที่สามารถนำไปใช้ได้จริงแก่ผู้บริหารและผู้นำด้านไอที สำหรับช่วยให้พวกเขาสามารถใช้ขับเคลื่อนองค์กรก้าวข้ามการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและสร้างการเติบโตให้ธุรกิจ ชมข้อมูลเพิ่มเติมคลิก www.gartner.com/en/information-technology 

ติดตามข่าวสารและข้อมูลล่าสุดจาก Gartner for IT Executives ได้ที่ Twitter และ LinkedIn. หรือเยี่ยมชมที่ IT Newsroom

เกี่ยวกับการ์ทเนอร์ 

บริษัท การ์ทเนอร์ (Gartner, Inc.) (NYSE: IT) คือบริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาชั้นนำของโลก มอบข้อมูลเชิงลึก คำแนะนำ และเครื่องมือต่าง ๆ แก่ผู้บริหารองค์กรธุรกิจ เพื่อรองรับการดำเนินภารกิจสำคัญที่มีอยู่ในปัจจุบันและสร้างองค์กรให้ประสบความสำเร็จในอนาคต ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางของการ์ทเนอร์ในการช่วยให้ผู้บริหารตัดสินใจอย่างถูกต้องเพื่อขับเคลื่อนอนาคตของธุรกิจได้ที่ gartner.com

ที่มา: พีซี แอนด์ แอสโซซิเอทส์ คอนซัลติ้ง จำกัด

การ์ทเนอร์ชี้แนวโน้มความปลอดภัยและจัดการความเสี่ยงที่ธุรกิจต้องจับตาปีนี้

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO