กรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ กับ มุมมองการลงทุน เมื่อทิศทางการปรับดอกเบี้ยชัดเจนขึ้น เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวดีกว่าคาด และปัจจัยเสี่ยงจากสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน

จันทร์ ๐๔ เมษายน ๒๐๒๒ ๑๐:๒๓
กรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ โดยคุณวิน พรหมแพทย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานลูกค้าไฮเน็ตเวิร์ธ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) อัพเดทสถานการณ์โลกและมุมมองการลงทุน เมื่อทิศทางการเงินโลกมีความชัดเจนมากขึ้น ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) มีแนวทางที่ชัดเจนในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่หุ้นจีนกลับมาเป็นบวกอย่างชัดเจนและประเด็นความกังวลเรื่องความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน เรื่องเหล่านี้จะส่งผลต่อการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ อย่างไร และมีประเด็นอะไรที่ต้องจับตามอง ติดตามได้จากกรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ
กรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ กับ มุมมองการลงทุน เมื่อทิศทางการปรับดอกเบี้ยชัดเจนขึ้น เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวดีกว่าคาด และปัจจัยเสี่ยงจากสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน

ภาวะ Inverted Yield Curve ความกังวลใหม่ของตลาด
การประชุมที่ผ่านมา Fed ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามที่ได้คาดการณ์ไว้ที่ 0.25% ซึ่งก่อนหน้านี้ตลาดคาดการณ์ไว้ว่า Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 6 ครั้งในปีนี้ รวมทั้งปีจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยจำนวน 7 ครั้ง ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่ค่อนข้างมาก และสะท้อนว่า Fed ขยับตัวช้า (Behind the curve) โดยเคลื่อนไหวในช่วงที่อัตราเงินเฟ้อขยับตัวขึ้นสูงมากแล้ว ดังนั้น Fed ต้องรับมือกับแรงกดดันที่สูงมาก ซึ่งทันทีที่คุณเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ออกมาแถลงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ตลาดกลับปรับตัวขึ้น เสมือนว่าเป็นภาวะที่นักลงทุนมีความโล่งใจ

อย่างไรก็ตาม กรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ คาดการณ์ว่า Fed จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยน้อยกว่า 7 ครั้งในปี 2565 นี้ ซึ่งคาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากในช่วงครึ่งปีแรก และครึ่งปีหลังเมื่อ Fed เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจชะลอลง ทำให้ต้องกลับมาทบทวนใหม่อีกครั้งว่า ครึ่งปีหลังจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกกี่ครั้ง

นอกจากนี้ เมื่อ Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรก ได้ส่งผลให้บอนด์ยีลด์ (Bond Yield) ขยับตัวขึ้น โดยบอนด์ยิลด์ระยะสั้นปรับตัวสูงขึ้นกว่าบอนด์ยิลด์ระยะยาว ทำให้ Spread ส่วนต่างของบอนด์ยิลด์ปรับลงมาต่ำมากในรอบหลายปี ส่งผลให้เกิดความกังวลใหม่ขึ้นในเรื่อง Inverted Yield Curve หรือภาวะที่อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระยะสั้นสูงกว่าผลตอบแทนของพันธบัตรระยะยาว ซึ่งจากข้อมูลในอดีตระบุว่า ภาวะดังกล่าวมักจะนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจขาลง (Recession) ดังนั้นตลาดกำลังเปลี่ยนความกังวลใหม่ จากเดิมในช่วงต้นปีมีความกังวลในเรื่องภาวะเงินเฟ้อและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed เมื่อมาในช่วงเดือนมีนาคม ด้วย Spread ที่แคบมาก ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลเรื่อง Inverted Yield Curve ซึ่งกรุงศรี และ แบล็คร็อก (BlackRock) พันธมิตรระดับโลก ยังคงให้ความสำคัญและติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 2 และ 3 ที่จะถึงนี้

เศรษฐกิจและตลาดหุ้นจีนฟื้นตัวดีกว่าคาด
ที่ผ่านมากรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ เชื่อว่า ในปีนี้รัฐบาลจีนจะไม่มี "มาตรการเก็บกวาดบ้าน" เหมือนเช่นในปีที่ผ่านมา แต่ในช่วงเวลาใกล้เคียงกับที่ Fed ออกมาประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย กลับมีข่าวร้ายซึ่งเป็นปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อตลาดจีน โดยคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ของสหรัฐฯ ได้ประกาศรายชื่อ 5 บริษัทจีนที่เข้าข่ายจะถูกเพิกถอนออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งข่าวดังกล่าวส่งผลกระทบต่อหุ้นเทคจีนอย่างรุนแรง ประกอบกับช่วงที่ผ่านมานักลงทุนยังคงมีความกังวลต่อภาพรวมเศรษฐกิจจีนที่อาจจะฟื้นตัวช้า ขณะที่มุมมองของกรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ มองว่าหุ้นหลายตัวมีการจดทะเบียนทั้งในตลาดสหรัฐฯ และฮ่องกง ดังนั้นแม้ว่าจะไม่สามารถซื้อขายในตลาดสหรัฐฯ ได้ แต่ยังคงสามารถซื้อขายในตลาดฮ่องกงได้ ดังนั้นประเด็นที่เกิดขึ้นอาจจะส่งผลกระทบที่จำกัดในเชิงการลงทุนเฉพาะนักลงทุนสถาบันบางแห่งในสหรัฐฯ หลังจากการประกาศข่าวร้ายเพียงไม่นาน ทางการจีนได้ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะดูแลตลาดหุ้นจีนไม่ให้ผันผวนมากจนเกินไป ส่งผลให้ตลาดหุ้นฟื้นกลับมาแรงมาก สอดคล้องกับคำแนะนำของกรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ ที่มีการระบุไว้ว่า ตลาดหุ้นจีนที่ปรับลงแรงมีโอกาสฟื้นตัวแรงด้วยเช่นกัน ซึ่งหากนักลงทุนเข้าซื้อในช่วงที่ตลาดลงจะได้ประโยชน์จากการลงทุนในครั้งนั้นดีมาก นอกจากนี้ ภาวะเศรษฐกิจจีนมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดี สวนทางกับที่หลายคนกังวล โดยจากตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ประกาศออกมาในช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ หลายตัวดีกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของยอดการค้าปลีก ยอดการลงทุน ดังนั้นกรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ เชื่อว่า การฟื้นตัวจะเป็นไปได้อย่างดี รัฐบาลจีนคงต้องมีมาตรการสนับสนุนเพิ่มเติมอีกด้วย

หากย้อนไปดูช่วงต้นเดือนมีนาคม ดัชนีหุ้น Nasdaq Golden Dragon ซึ่งเป็นกลุ่มหุ้นเทคจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบอย่างมากในช่วงที่ตลาดมีความกังวลเรื่องเศรษฐกิจจีน และการประกาศเพิกถอนหุ้นจีน โดยลดลงไปกว่า 20% แต่สามารถฟื้นกลับมาเร็วมาก ขณะที่หุ้นจีนทั่วไปที่ไม่ได้จำกัดเฉพาะกลุ่มเทคจะได้รับผลกระทบที่น้อยกว่า

คุณวิน อธิบายให้เห็นภาพเพิ่มเติมว่า "ลักษณะของตลาดหุ้นจีนเป็นตลาดที่มีอัตราการซื้อขายที่สูงมากจากนักลงทุนรายย่อย ขณะที่มีจำนวนนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนสถาบันไม่มาก ดังนั้นรายย่อยจะมีผลทำให้ตลาดหุ้นจีนมีความผันผวนได้มาก เวลาขึ้นจึงขึ้นค่อนข้างแรง เช่นเดียวกันเวลาลงจะลงแรงด้วย หากเราเข้าใจภาวะของตลาดในลักษณะนี้เมื่อดูข้อมูลตลาดวันต่อวันจะพบว่ามีความผันผวนมากเนื่องจากรายย่อยซื้อขายค่อนข้างมาก"

ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน กดดันภาพรวมตลาด
กรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ มองว่า ตลาดมีความกังวลจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนในหลายๆ เรื่อง เรื่องที่หนึ่งคือ มีความกังวลว่าสถานการณ์จะลุกลามบานปลายกลายเป็นความขัดแย้งที่เกินขอบเขตของยูเครนหรือไม่ เรื่องที่สองคือ กังวลว่า จีนจะถูกมาตรการ Sanctions อย่างเช่นรัสเซียหรือไม่ กรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟคาดการณ์ว่า ความกังวลทั้งสองเรื่องมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก ส่วนเรื่องที่สามคือ รัสเซียมีตราสารหนี้ทั้งสกุลเงินต่างประเทศและสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งมีภาระที่ต้องชำระต่อเนื่อง จึงเป็นประเด็นที่ต้องติดตามสถานการณ์ว่ารัสเซียมีโอกาสที่จะถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือหรือกลายเป็น default หรือไม่ ซึ่งมองว่ามีโอกาสเกิดขึ้นได้ เนื่องจากการถูกมาตรการ Sanctions มีผลในเชิงปฏิบัติ แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่าจะไม่ลุกลามกลายเป็นวิกฤตตราสารหนี้

หากมองย้อนกลับไป 1 เดือนแม้ตลาดจะมีความผันผวนจากความเสี่ยงในเรื่องการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน แต่ตลาดหุ้นกลับมาเป็นบวกได้ ตลาดหุ้นไม่ได้รับผลกระทบมากอย่างที่หลายคนกังวล และหากนักลงทุนเลือกลงทุนในกองทุนที่มีการกระจายการลงทุนหลากหลายจะได้รับผลกระทบและความผันผวนที่น้อยลง

"หากบทเรียนของเราในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาคือ การซื้อในภาวะที่ทุกคนกลัว Buy on dip เป็นกลยุทธ์ที่ได้ประโยชน์ ในอนาคตหากมีภาวะตลาดในลักษณะนี้อีกจำเป็นต้องพิจารณาการลงทุน ความกังวลของตลาดคือโอกาสของเรา" คุณวิน กล่าวทิ้งท้าย

คำแนะนำและโอกาสการลงทุนในช่วงนี้

  • KFHTECH ลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี กระจายการลงทุนไปทั่วโลก
  • KFCYBER ลงทุนในหุ้นทั่วโลกของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security) ซึ่งเกี่ยวโยงกับเรื่องรัสเซีย-ยูเครน ว่าเป็นหุ้นที่ Perform ได้ดีในภาวะที่มีความกังวลในเรื่องสงคราม
  • KFGBRAND ลงทุนในหุ้นคุณภาพดี (High-Quality Companies) เป็นแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่ง
  • KT-ASHARES ลงทุนในหุ้นจีน A-Shares สอดคล้องกับในช่วงที่หุ้นจีนเริ่มกลับมา ควรเลือกลงทุนหุ้นที่มีบริษัทขนาดใหญ่ มีการกระจายการลงทุนที่เหมาะสม

ลูกค้าและนักลงทุนที่สนใจสามารถรับชมสัมมนาย้อนหลังทั้งหมดได้ที่ YouTube: Krungsri Simple หรือสามารถติดตามข้อมูลและกิจกรรมที่น่าสนใจผ่านช่องทางไลน์ @krungsriexclusive

ที่มา: ธนาคารกรุงศรีอยุธยา

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO