นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า กฟผ. ในฐานะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 45% ใน บมจ.ราช กรุ๊ป หรือ RATCH ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อประกอบธุรกิจในลักษณะการถือหุ้นในบริษัทอื่นเพื่อลงทุนในบริษัทย่อย การร่วมค้า และเงินลงทุนอื่นๆ ที่ดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง โดยมีผู้แทนของ กฟผ. ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ยาวนานในธุรกิจไฟฟ้า เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมการบริษัทเพื่อช่วยให้ความเห็นและมุมมองอันเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจของ RATCH รวมถึงร่วมกำหนดทิศทางและกลยุทธ์ธุรกิจของ RATCH เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตขององค์กรอย่างยั่งยืนในระยะยาว
ทั้งนี้ กฟผ. พร้อมให้การสนับสนุนการเพิ่มทุนของ RATCH เสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านฐานะทางการเงินรองรับแผนการขยายธุรกิจในอนาคต โดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบและอนุมัติการเข้าลงทุนในหุ้นเพิ่มทุนของ RATCH เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดย กฟผ. จะใช้สิทธิเพิ่มทุนเต็มจำนวนตามสัดส่วนการถือหุ้น คิดเป็นวงเงินไม่เกิน 11,250 ล้านบาท ซึ่งประโยชน์ที่จะได้รับจากการเพิ่มทุนในครั้งนี้ จะช่วยให้ RATCH ปรับโครงสร้างเงินลงทุน ชำระหนี้ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน และคงอัตราส่วนทางการเงินให้เป็นไปตามข้อกำหนดของสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating Agencies) รวมถึงเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยมีแผนขยายการลงทุนด้านพลังงานไฟฟ้าทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มเติม
ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้วยยุทธศาสตร์ของ RATCH Group ที่มุ่งพัฒนาพลังงานหมุนเวียนเพื่อให้สอดคล้องกับเมกะเทรนด์และทิศทางอุตสาหกรรมพลังงานของโลก โดยให้ความสำคัญด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากโรงไฟฟ้าที่ดำเนินการผลิตอยู่แล้วทั้งในและต่างประเทศ การเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าและใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า การกำหนดเป้าหมายเพื่อลด GHG ที่เกิดจากกิจกรรมต่างๆ ขององค์กรทั้งทางตรงทางอ้อมและด้านอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในห่วงโซ่ธุรกิจของบริษัทฯ ถือเป็นการดำเนินการที่ช่วยสนับสนุนยุทธศาสตร์ของ กฟผ. และยุทธศาสตร์ของประเทศไทย
ขณะเดียวกัน ศักยภาพการดำเนินงานของ RATCH ในการเป็นบริษัทพลังงานที่มีแผนการเติบโตที่ชัดเจน และยังเป็นฐานรายได้ที่มั่นคงระยะยาว จากกำลังการผลิตไฟฟ้าในพอร์ตโฟลิโอในปัจจุบันที่มากกว่า 9,000 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนจากแผนมุ่งขยายการลงทุนธุรกิจโรงไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด เช่น โรงไฟฟ้าจากพลังงานลม, โรงไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์, โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ, โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ และธุรกิจอื่นๆ โดยวางเป้าหมายภายใน 3 ปีข้างหน้า หรือภายในปี 2568 คาดว่าจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 10,000 เมกะวัตต์ ซึ่งมีสัดส่วนกำลังการผลิตจากโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดเพิ่มขึ้นเป็น 25% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วน 15% พร้อมเพิ่มมูลค่ากิจการของ RATCH ให้ถึง 2 แสนล้านบาท ส่งผลให้ RATCH เป็นหุ้นที่มีศักยภาพและคาดว่าจะให้ผลตอบแทนต่อการลงทุนที่ดีและสม่ำเสมอในระยะยาวต่อไป
ที่มา: เอ็ม ที มัลติมีเดีย