ล่าสุด CEYE ได้ลงนามแต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย พร้อมด้วยผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 3 แห่ง คือ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน)
นายกิตติพันธ์ ภูษณวรรณ กรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่จะเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ของบริษัท ตาชำนิ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 70 ล้านหุ้น ที่ราคา 3.86 บาท/หุ้น เปิดให้จองซื้อในวันที่ 20 - 22 เมษายน 2565 และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดธุรกิจบริการ (service) วันที่ 29 เมษายน 2565 ในชื่อย่อหลักทรัพย์ว่า "CEYE"
สำหรับราคาหุ้นสามัญที่เสนอขายหุ้นละ 3.86 บาท ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) เท่ากับ 36.64 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลการดำเนินงานในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด (ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564)
โดยเชื่อมั่นว่า CEYE จะเป็นหุ้นคุณภาพที่เติบโตไปพร้อมกับอุตสาหกรรมโฆษณา แม้จะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา แต่จากสถานการณ์ที่ผ่อนคลายลง ประกอบกับพฤติกรรมและช่องทางในการบริโภคสื่อที่เปลี่ยนแปลงไป เป็นโอกาสในการผลิตคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ รองรับความต้องการลูกค้าซึ่งเป็นแบรนด์ชั้นนำในทุกอุตสาหกรรมทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ทำให้ได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุน และเล็งเห็นถึงโอกาสการขยายธุรกิจในอนาคต
นางสาวสุวรรณี สุวรรณแสงโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ตาชำนิ จำกัด (มหาชน) หรือ CEYE กล่าวถึง การเสนอขายหุ้น IPO ของ CEYE ในครั้งนี้ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนจำนวนประมาณ 255.25 ล้านบาท (หลังหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง) ใช้ลงทุนโครงการในอนาคต 60 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่เกือบ 1,000 ตารางเมตร จำนวน 45 ล้านบาท และโครงการลงทุนในส่วนอุปกรณ์การถ่ายภาพ ถ่ายวีดีโอ และลงทุนในส่วนขั้นตอนภายหลังการผลิต 15 ล้านบาท นอกจากนี้ นำไปใช้ชำระคืนเงินกู้ให้แก่สถาบันการเงิน 25 ล้านบาท รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ 170.25 ล้านบาท เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับแผนการขยายธุรกิจในรูปแบบอื่นๆ อาทิ (1) โครงการลงทุนในบริษัทที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์การตลาด หรือ Creative Agency เพื่อขยายบริการไปยังธุรกิจต้นน้ำ (2) โครงการลงทุนในบริษัท โพสต์ โปรดักชั่น สำหรับวีดีโอ ภาพยนตร์ และซีรีส์ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตอย่างมาก และเป็นตลาดใหม่ของบริษัท (3) โครงการลงทุนเพิ่มเติมในธุรกิจออนไลน์ มีเดีย (4) โครงการลงทุนสตาร์ทอัพและสร้างทีมนวัตกรรม เพื่อสร้างแพลตฟอร์มที่รวบรวมการให้บริการ และสร้าง Ecosystem ของกลุ่มครีเอทีฟคอนเทนต์ให้ครบวงจรยิ่งขึ้น ทั้งนี้ จะพิจารณาการใช้เงินทุนหมุนเวียนในกิจการให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้น และเพื่อการเติบโตในอนาคต
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงาน ณ สิ้นปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้รวม 272.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 17.53% และมีกำไรสุทธิ 28.45 ล้านบาท เติบโต 101.89% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากการเติบโตขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ รวมทั้ง การผ่อนปรนมาตรการภาครัฐในช่วงไตรมาส 4/2564 ส่งผลให้มีความต้องการด้านครีเอทีฟโฆษณา และงานโปรดักชั่นเติบโตขึ้นอย่างมาก รวมทั้ง ปัจจุบัน บริษัทฯ มีบริการที่หลากหลายรูปแบบมากขึ้น จึงเชื่อมั่นว่าผลงานในปี 2565 จะเติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ หรือไม่ต่ำกว่าปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนโควิด-19
นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า การกำหนดราคาไอพีโอของ CEYE ที่ระดับ 3.86 บาท/หุ้น ถือว่าเป็นระดับราคาที่เหมาะสม และนับว่าเป็นหุ้น IPO ในกลุ่มธุรกิจด้านครีเอทีฟคอนเทนต์โฆษณารายแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ด้วยความเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการผลิตและสร้างสรรค์คอนเทนต์มาตรฐานระดับ International Standard มีบริการครบวงจร รวมถึงศักยภาพในการเติบโตต่อเนื่องในยุค Digital Disruption
อีกทั้ง มองว่าสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศที่ผ่อนคลายลง ส่งผลให้ตั้งแต่ในไตรมาส 4/2564 เป็นจุดเริ่มต้นในการปรับฐานรายได้และกำไรของ CEYE ให้กลับมาเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด และมีสัญญาณที่ดีต่อเนื่องมายังไตรมาส 1/2565 จึงมั่นใจว่า ภายหลังการระดมทุนจะยิ่งเพิ่มความพร้อมให้บริษัทฯ เพราะตราบใดที่มีการเปิดตัวสินค้า การสร้างแบรนด์ และการจัดกิจกรรมทางการตลาด ก็ยังมีความต้องการในงานด้านครีเอทีฟและโปรดักชั่นโฆษณาต่อเนื่อง รวมทั้ง การขยายไปยังโอกาสใหม่ในกลุ่มอุตสาหกรรมข้างเคียง ได้แก่ กลุ่มเอ็นเตอร์เทนเมนต์ แพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง ภาพยนตร์ ซีรีส์ เป็นต้น ปัจจุบัน CEYE จึงมีโครงการในอนาคตในการมองหาความร่วมมือเพื่อขยายไปสู่ธุรกิจต้นน้ำและปลายน้ำมากขึ้น เป็นห่วงโซ่หนึ่งของอุตสาหกรรมโฆษณาในประเทศไทยที่มีมูลค่าราว 1 แสนล้านบาท และคาดการณ์ในปีนี้อุตสาหกรรมโฆษณาจะมีการเติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี นางสาวสุวรรณี สุวรรณแสงโรจน์ (ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท) ได้แจ้งให้บริษัททราบว่าตนประสงค์ที่จะโอนหุ้นสามัญเดิมที่ตนถืออยู่ในบริษัทจำนวน 22,356,230 หุ้น คิดเป็น 8.28% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชนในครั้งนี้ เพื่อเป็นมรดกให้แก่นางสาวปัณดา ปุณโณทก บุตรสาวที่บรรลุนิติภาวะแล้วของตน โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย โดยการโอนหุ้นมรดกครั้งนี้จะเกิดขึ้นในวันแรกที่หุ้นสามัญของบริษัทเริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai หรือวันที่ 29 เมษายนนี้
โดยการโอนหุ้นดังกล่าวไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงกรรมการและผู้บริหารตามที่เปิดเผยมาในหนังสือชี้ชวน และผู้โอน/รับหุ้นมรดกในครั้งนี้มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามเกณฑ์การรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ หุ้นสามัญเดิมของนางสาวสุวรรณี สุวรรณแสงโรจน์ จำนวน 22,356,230 หุ้นที่นำมาโอนหุ้นมรดกในครั้งนี้ เป็นส่วนที่ไม่ได้ติดเกณฑ์ Silent Period
สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น กลุ่มครอบครัวสุวรรณแสงโรจน์ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งสัดส่วนก่อน IPO 62.05% และหลัง IPO 45.96% และอันดับสอง นายชำนิ ทิพย์มณี สัดส่วนก่อน IPO 30.74% และหลัง IPO 22.77% อันดับสาม นางสาวณัฐนันท์ กีรติกรยศนันท์ สัดส่วนก่อน IPO 2.50% และหลัง IPO 1.85%
ที่มา: ไออาร์ พลัส