บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง เผยแพร่บทวิเคราะห์แนะนำ"ซื้อ"หุ้นบริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ราคาเป้าหมาย 22.50 บาท เนื่องจากมองว่าเงินทุนรอบใหม่ ช่วยเร่งโอกาสเติบโตก้าวกระโดด โดยการเติบโตของกำไร LEO ขับเคลื่อนโดยทั้งธุรกิจเดิมที่ดีอยู่แล้ว คือ การขนส่งทางเรือ และอากาศ (ทั้งที่ทำกับ China Post และเพิ่งซื้อ WA เข้ามาเติม) และธุรกิจใหม่ (การเข้าทำ M&A บริษัทขนสงเพิ่ม ร่วมถึงการเริ่มธุรกิจขนส่งทางรางข้ามประเทศ) ปัจจัยชี้นำอื่นๆ ที่สำคัญ อาจมาจากปัญหาระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น จึงหนุนค่าระวางเรือสูงขึ้นไปอีก อย่างน้อยจึงคาดกำไรทำ new high ไปจนถึงไตรมาส 2/2565 ได้
ส่วนประเด็นการออกหุ้นกู้แปลงสภาพ (CB) และ warrant (LEO-W1) ฝ่ายวิจัยมองว่าเป็นไอเดียด้านการเงินที่ดีเยี่ยม กระทบราคาเป้าหมายน้อยมาก แต่อีกด้านช่วยเพิ่มกระแสเงินสดขยายธุรกิจอย่างมาก โดยหากให้สมมติฐานใช้เงิน 70% จาก CB และมีการแปลง warrant จะเป็น upside ต่อกำไร 21-28% ในระยะยาว (ขณะที่ dilution แค่ 12%)
บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คงคำแนะนำซื้อหุ้นLEO โดยปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 22 บาท อิง PER ที่ 27 เท่า (peers avg. เทรดอยู่ที่ 23.7เท่า) ซึ่งมองเป็นบวกต่อการประชุม Analyst meeting ประเด็นสำคัญได้แก่ ผู้บริหารคาดค่าระวางมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อในช่วง high seasonในไตรมาส 3/2565 และมองค่าเฉลี่ยทั้งปี จะคงระดับสูง
ส่วนรายได้ไตรมาส1/2565 ยังคงทำ new high ต่อเนื่อง คงเป้ารายได้ปี 2565 เติบโต 30-35% และคาด volume ของขนส่งทางทะเลโต 15-20% ขณะที่ volume ของขนส่งทางอากาศโต 25-30% หลังควบรวมกับบริษัท World Air ขณะที่ขนส่งทางรางยังอยู่ในช่วงทดลอง คาดจะเริ่มขนส่งจริงในช่วงปลาย ไตรมาส2/2565 รวมทั้งบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาดีล M&A กับบริษัทในอินโดนิเซีย และเวียดนาม ปรับประมานการกำไรปี 2565-2566 ขึ้น13% และ 14% มาที่ 265 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น33%จากงวดเดียวกันปีก่อน) และ 290 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 9% จากงวดเดียวกันปีก่อน) ตามลำดับ โดยเรามองบวกมากขึ้นต่อค่าระวางที่คาดว่าจะอยู่ในระดับสูง ใกล้เคียงปี2564
นอกจากนี้ได้รวมผลประโยชน์จากการควบรวมกับบริษัท World Air เข้ามา (ปี 2564 มีกำไรราว 50 ล้านบาท) และคาดว่าจะช่วยหนุนรายได้การขนส่งทางอากาศให้โตได้ที่30% จากงวดเดียวกันปีก่อน ส่วนการขนส่งทางรางร่วมกับ China post อาจมีความล่าช้า เนื่องจาก infrastructure ของทาง จีนยังไม่รองรับ ประเมินรายได้ในปี2565 ที่ 100 ล้านบาทจากการขนส่ง 1 พันตู้ ราคาหุ้น outperform เพิ่มขึ้น 23% เพิ่มขึ้น 26% ใน 3 และ 6เดือน ทั้งนี้คงคำแนะนำ "ซื้อ" จากกำไรที่คาดว่า จะยังทำ new high ได้ต่อเนื่อง และยังมีโอกาสทำ M&A ในต่างประเทศอีก 1-2 ดีล อย่างไรก็ตาม Key risk คือค่าระวางอาจปรับตัวลงได้หาก port congestion เริ่มคลี่คลาย
บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินว่าคงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 22บาท อิงวิธี P/E ที่ 25 เท่า บนสมมุติฐานประมาณการ รายได้อย่างระมัดระวังที่ 4.5 พันลานบาทและอัตรากำไรขั้นต้นที่ 19% โดยในระยะสั้นคาดว่ากำไรของLEO ยังทำจุดสูงสุดต่อเนื่องในไตรมาส 1-2/2565 ทั้งนี้ การประมาณการกำไรปี 2565ไม่รวมโอกาสจาก M&A ที่เข้ามา ซึ่งคาดว่าตลาดจะปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิ และราคา เป้าหมายขึ้นมาใกล้เคียงกับที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้
ในขณะเดียวกัน นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ CEO ของ LEO ได้กล่าวว่า ยอดขายของบริษัทในไตรมาส 1 ยังคงเป็นนิวไฮอย่างต่อเนื่อง และคาดการณ์ว่าจะสามารถสร้างนิวไฮได้อย่างต่อเนื่องในไตรมาส 2 เนื่องจากอัตราค่าระวางเรือจากประเทศไทยไปยังสหรัฐอเมริกาและยุโรปที่เป็นตลาดส่งออกสำคัญของประเทศไทยมีการปรับตัวลดลงเพียงเล็กน้อยระดับ 5-7% เท่านั้น ไม่ได้ปรับตัวลดลงถึงระดับ 40% ของ SCFI INDEX เนื่องจาก SCFI จะเป็นอัตราค่าระวางเรือที่ออกจากประเทศจีนและได้รับผลกระทบโดยตรงจากการ Locked Down ในเมืองท่าหลักๆ และทางบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป อัตราค่าระวางเรือจะกลับมาเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นฤดูกาลใหม่ของการส่งออกทั่วโลก และสินค้าในประเทศจีนที่ไม่ได้ถูกส่งออกในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา จะเป็นตัวเร่งที่ทำให้ความต้องการของตู้และสเปซบนเรือพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและทำให้อัตราค่าระวางเรือสูงขึ้น
ที่มา: ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์