"ในเฟสแรก ไททัน แคปปิตอล ได้ใช้งบประมาณกว่า 170 ล้านบาท ในการสร้างเหมืองขุดแห่งใหม่บนพื้นที่กว่า 3,000 ตารางเมตร ย่านบางนา โดยมีแผนที่จะขยายเหมืองขุดบิตคอยน์และคริปโทเคอร์เรนซีไปยังนิคมอุตสาหกรรม หรือพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงลูกค้าบริษัทต่าง ๆ ที่ปัจจุบันหันมาลงทุนในธุรกิจการขุดบิตคอยน์และคริปโทเคอร์เรนซีเพิ่มมากขึ้น ทำให้ไมนิ่งโปรมียอดขายแล้วกว่า 500 เครื่อง และคาดว่าภายในปีนี้ จะมียอดขายมากถึง 1,500 เครื่องอย่างแน่นอน"
ด้านนายจตุรภุช ตรีเพ็ชร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมนิ่งโปร จำกัด กล่าวว่า กลุ่มผู้บริหาร ไมนิ่งโปร เป็นคนรุ่นใหม่แต่มากด้วยประสบการณ์ที่มีความเชี่ยวชาญและอยู่ในแวดวงคริปโต รวมถึงธุรกิจไอที ซอฟต์แวร์มากว่า 10 ปี ทำให้เรามองเห็นโอกาสในการทำธุรกิจในตลาดสกุลเงินดิจิทัล ที่ในปัจจุบันได้รับความนิยมไปทั่วโลกรวมถึงประเทศต่าง ๆ ก็มีการตื่นตัวและให้การยอมรับกันมากขึ้น อีกทั้งจากการที่ประเทศจีนมีนโยบายแบนการขุดคริปโต ทำให้ไมนิ่งโปร สบโอกาสในการขยายธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์และทำให้เรามีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วจนสามารถก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำเข้าและจำหน่ายเครื่องขุดบิตคอยน์ที่มีกำลังขุดสูงที่สุดในประเทศไทยในขณะนี้
"นอกจากการจำหน่ายเครื่องขุดบิตคอยน์แล้ว เรายังมีบริการให้เช่ากำลังขุด ด้วยค่าใช้จ่ายขั้นต่ำเพียงวันละ 600 บาท การันตีกำลังขุด 100% รวมถึงมีพื้นที่สำหรับฝากเครื่องขุด โดยมีผู้เชี่ยวชาญดูแลเครื่องตลอด 24 ชั่วโมง มีการบริหารจัดการผ่านระบบ Cloud 100% ลูกค้าสามารถมอนิเตอร์การทำงานของเครื่องที่ฝากไว้แบบเรียลไทม์ได้ ซึ่งเครื่องทั้งหมดเรานำเข้าจาก Bitmain บริษัทผลิตเครื่องขุดบิตคอยน์ระดับโลกจากประเทศจีน 2 รุ่น
ได้แก่ Antminer S19J Pro 104TH ราคา 379,000 บาท สำหรับขุดบิตคอยน์ และรุ่น Antminer L7 9.05GH ราคา 790,000 บาท ขุดได้ทั้งเหรียญ Litecoin, Dogecoin และเร็ว ๆ นี้จะมีการนำเข้าเครื่องขุดเหรียญ Ethereum จำนวน 100 เครื่องอีกด้วย โดยเครื่องทุกรุ่นมีการประกันซ่อมฟรีตลอดอายุการใช้งาน พร้อมรับซื้อเครื่องคืนในมูลค่า 75% ของราคาเครื่อง ณ วันที่ขายคืน"
นายจตุรภุช กล่าวต่อว่า การประสานความร่วมมือกับไททัน แคปปิตอล ในครั้งนี้ ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ไมนิ่งโปรสามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดในธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้อย่างเต็มศักยภาพ ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้จากการจำหน่ายและให้เช่ากำลังขุดบิตคอยน์และคริปโทเคอร์เรนซีรวมกว่า 200 ล้านบาท และคาดว่าในปีนี้บริษัทฯ จะมีรายได้แตะ 1,000 ล้านบาท โดยในปีหน้าเรามีแผนที่จะขยายเหมืองขุดไปยังต่างประเทศ พร้อมตั้งเป้าให้ไมนิ่งโปร เป็นเหมืองขุดที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนต่อไป
ที่มา: Six Degrees Communication
