บมจ.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ ("WHAUP") แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติแต่งตั้ง "นายสมเกียรติ เมสันธสุวรรณ" เข้าดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (Chief Executive Officer) โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้แผนกลยุทธ์การแสวงหาโอกาสการต่อยอดการลงทุนธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน ในรูปแบบต่างๆ อาทิ การพัฒนาโครงการใหม่ๆ (Green field) การร่วมทุน (Joint Venture) และการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ทั้งภายในและภายนอกนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยเน้นการพัฒนาโซลูชั่นสำหรับธุรกิจสาธารณูปโภค และ พัฒนาพลังงานหมุนเวียนใหม่ๆ โดยเอาเทคโนโลยีเป็นตัวนำเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ที่จะเป็น technology company ภายในสามปี เพื่อตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นการเติบโตทางธุรกิจในอนาคต
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ด้วยประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจอุตสาหกรรมพลังงานของนายสมเกียรติ เมสันธสุวรรณ ที่เข้าดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ของ บมจ.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ ("WHAUP") ดิฉันเชื่อมั่นว่าจะช่วยขับเคลื่อนองค์กรไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ พร้อมทั้งเข้ามาสานต่อนโยบายการลงทุนในธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงานให้เติบโตอย่างโดดเด่นทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ควบคู่กับการพัฒนาโซลูชันด้านพลังงานหมุนเวียนใหม่ๆ เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ที่มุ่งเน้นการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน
พร้อมกันนี้ WHAUP ยังได้แต่งตั้ง "นายอัครินทร์ ประเทืองสิทธิ์" เข้ามาดำรงตำแหน่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการคนใหม่ ที่จะมาดูแลเรื่อง Operation ของ WHAUP ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เป็นการเสริมทัพทีมบริหารของ WHAUP ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการขยายการลงทุนด้านสาธารณูปโภค และพลังงานทั้งในและนอกนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ
นายสมเกียรติ เมสันธสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร "WHAUP" เปิดเผยว่า รู้สึกเป็นเกียรติและยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้เข้ามาร่วมงานกับ "WHAUP" ภายใต้ "ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป" และด้วยประสบการณ์ความเชี่ยวชาญการทำงานในสายงานด้านอุตสาหกรรมพลังงานมากกว่า 20 ปี การเข้ามาดำรงตำแหน่งในครั้งนี้ มีความมุ่งมั่นที่จะนำ "WHAUP" ให้บรรลุเป้าหมายสอดรับกับนโยบายแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี (2565 - 2569) เพื่อแสวงหาโอกาส ในการลงทุนทั้งทางด้านธุรกิจ สาธารณูปโภค และ การพัฒนาโครงการพลังงานทดแทนในรูปแบบต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ โดยมีแนวคิดการพัฒนาโครงการร่วมกับพันธมิตรเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ โดยมีเป้าหมายให้มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานปกติ แตะระดับ 6,000 ล้านบาท พร้อมทั้ง รักษาระดับอัตราผลกำไร EBITDA ในระดับสูงกว่าร้อยละ 50 จากการเติบโตของธุรกิจหลัก (น้ำ-ไฟฟ้า) ภายใต้งบลงทุนสำหรับรองรับการขยายตัวธุรกิจใน 5 ปีต่อจากนี้ จำนวน 10,000 ล้านบาท ประกอบด้วย
ธุรกิจสาธารณูปโภค : บริษัทฯเตรียมใช้เงินลงทุนประมาณ 50% ของบลงทุนรวมในแผน 5 ปี จะโดยขยายธุรกิจน้ำในแนวดิ่ง (Vertical Integration) ผ่านการสำรวจหาแหล่งน้ำดิบทางเลือกต่างๆ เพื่อความมั่นคงและบริหารต้นทุนในการซื้อน้ำดิบ และต่อยอดการพัฒนาโครงการ Wastewater Reclamation หรือ การนำน้ำเสียที่บำบัดแล้วมากลับใช้ใหม่ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีมาก ทั้งในแง่ความพึงพอใจของลูกค้า การดูแลสิ่งแวดล้อม และ การใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ โดยใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางของบริษัทฯ เพื่อผลิตน้ำมูลค่าเพิ่ม อาทิ น้ำปราศจากแร่ธาตุ (Demineralized Water) น้ำอุตสาหกรรมคุณภาพสูง (Premium Clarified Water) นอกจากนี้การลงทุนเพิ่มสำหรับ Smart Utilities Service Platform และโซลูชั่นใหม่ๆ มาใช้ เพื่อยกระดับการดำเนินงานและส่งมอบบริการแก่ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและครบวงจรมากยิ่งขึ้น โดยในปี 2565 บริษัทฯ ตั้งเป้ามียอดการจำหน่ายและบริหารจัดการน้ำจากในประเทศ 128 ล้านลูกบาศก์เมตร และต่างประเทศ 25 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นอัตราการเติบโต 13% จากปีก่อนหน้า
ธุรกิจด้านพลังงาน : บริษัทฯจะเน้นเดินหน้าขยายพอร์ตทั้งโครงการไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และโครงการพลังงานทดแทนรูปแบบอื่นๆ ทั้งในและต่างประเทศ โดยในปี 2565 ตั้งเป้ายอดเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์สะสมเพิ่มเป็น 150 เมกะวัตต์ จากปีก่อนที่มียอดเซ็นสัญญาสะสม 92 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มขึ้นแตะ 700 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ "WHAUP" จะเดินหน้าเพื่อเตรียมการสู่อนาคตสำหรับธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ผ่านการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ อาทิ การพัฒนาแพลตฟอร์มพลังงานอัจฉริยะ เพื่อซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในกลุ่มลูกค้าภายในนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ หรือ ระบบการซื้อขายไฟฟ้าแบบ Peer-to-Peer Energy Trading ภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตร จาก บมจ.ปตท. "PTT" และ บริษัท เซอร์ทิส จำกัด "Sertis" เพื่อร่วมพัฒนาระบบ Trading Platform ภายใต้ชื่อว่า "RENEX" โดยใช้เทคโนโลยี Blockchain เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยในการทำธุรกรรมและอำนวยความสะดวกการซื้อขายพลังงาน ระหว่างผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรม โดยได้รับความร่วมมือจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งโครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของ ERC Sandbox หรือ โครงการทดลองด้านนวัตกรรมพลังงานของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมขั้นสุดท้ายในการทดลองให้บริการซื้อขายเชิงพาณิชย์ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มขึ้นภายในไตรมาส 2/2565 ซึ่งระบบการซื้อขายไฟฟ้าดังกล่าว เมื่อพัฒนาเสร็จแล้วเชื่อว่าจะเป็นปัจจัยหนุนให้พอร์ตพลังงานหมุนเวียนของ "WHAUP" เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร "WHAUP" กล่าวทิ้งท้ายว่า นอกจากแผนดังกล่าวในข้างต้นแล้ว บริษัทฯยังมีการนำ Battery Energy Storage System (BESS) หรือระบบกักเก็บพลังงานมาใช้ควบคู่กับการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อเสนอเป็นบริการให้แก่ลูกค้า รวมถึงการศึกษาระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ Smart Microgrid เพื่อยกระดับระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ ในการต่อยอดธุรกิจ Renewable Energy และสร้าง Business Model ใหม่ให้กับบริษัทฯ ดังนั้นโดยส่วนตัวมีความตั้งใจที่จะเข้ามาบริหารองค์กร "WHAUP" เพื่อผลักดันให้บริษัทฯมีการเติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะเติบโตอย่างมั่นคงควบคู่และก้าวไปพร้อมกับดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป
ที่มา: มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์