ศ. ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล รองปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยว่า อว. มีนโยบายสนับสนุนการพัฒนาการศึกษาและเสริมสร้างนวัตกรรมในระดับอุดมศึกษา โดยเฉพาะการทำงานวิจัยด้านปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) เนื่องมาจากในยุคอุตสาหกรรม 4.0 ทั่วโลกได้นำปัญญาประดิษฐ์มาใช้อย่างแพร่หลายทำให้เกิดการแข่งขันทางเทคโนโลยีในรอบใหม่ ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสของประเทศไทยในการแข่งขันในเวทีโลก ดังนั้นเพื่อลดช่องว่างในการแข่งขันระหว่างประเทศไทยกับประเทศที่พัฒนาแล้ว การพัฒนางานวิจัยและกำลังคนรองรับการเติบโตของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์จึงถือเป็นส่วนสำคัญในการวางเป็นรากฐานเพื่อพัฒนาศักยภาพและยกระดับอุตสาหกรรมในประเทศไทย สอดรับกับเป้าหมายสู่การเป็นประเทศพัฒนาแล้วภายในปี พ.ศ. 2580
ศ. ดร.ศุภชัย กล่าวต่อว่า การร่วมมือกันจัดตั้ง สถาบันวิศวกรรมปัญญาประดิษฐ์ ในครั้งนี้คือมิติใหม่ของการผลิตกำลังคนของระบบอุดมศึกษาในอนาคต ช่วยพัฒนากำลังคนด้านปัญญาประดิษฐ์ของประเทศที่มีสมรรถนะตรงกับความต้องการของอุตสาหกรรมให้ทันเวลากับการใช้งาน ตามความต้องการ และการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยเกิดขึ้นภายใต้นโยบายการจัดการศึกษาที่แตกต่างจากมาตรฐานการอุดมศึกษาทั่วไป (Higher Education Sandbox) ยิ่งไปกว่านั้น สถาบันดังกล่าวยังได้สร้างรูปแบบและวิธีการจัดหลักสูตรแบบทลายข้อจำกัดในทุกๆ ด้านของระบบการจัดการศึกษาในปัจจุบัน อาทิ ด้านมาตรฐานในการเรียนการสอน ผู้สอน หลักสูตร หรือหน่วยกิต รวมถึงสถานที่จัดการเรียนการสอน ทั้งนี้ สถาบันวิศวกรรมปัญญาประดิษฐ์ นับได้ว่ามีบทบาทที่สำคัญในการขับเคลื่อนโครงการพลิกโฉมระบบอุดมศึกษาของประเทศไทย (Reinventing University System)
ด้าน รศ. ดร.อนุวัฒน์ จางวนิชเลิศ รักษาการแทนอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เผยว่า สถาบันวิศวกรรมปัญญาประดิษฐ์ คือ ความร่วมมือด้านวิชาการระหว่าง 6 มหาวิทยาลัย ได้แก่ มหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เพื่อแบ่งปันทรัพยากรร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพในการบริหารหลักสูตรด้านวิศวกรรมปัญญาประดิษฐ์ร่วมกัน โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญคือส่งเสริมให้เกิดความเชื่อมโยงการศึกษาระหว่างมหาวิทยาลัย เพื่อร่วมกันจัดการศึกษาที่แตกต่างโดยอาศัยหลักการแซนด์บ็อกซ์ (SANDBOX) พลิกรูปแบบการเรียนการสอนในระดับอุดมศึกษาไทยอย่างสิ้นเชิง เริ่มปีการศึกษา 2565 อาทิ เปิดโอกาสให้นักศึกษาสามารถลงทะเบียนเรียนรายวิชาข้ามสถาบัน สามารถใช้หน่วยกิตของรายวิชาที่ลงทะเบียนเรียนข้ามสถาบันระหว่างสถาบันที่มีความร่วมมือให้เป็นส่วนหนึ่งของหน่วยกิตในหลักสูตรของสถาบันที่นักศึกษาสังกัดได้ นำรายวิชาที่มีการลงทะเบียนเรียนข้ามสถาบันไปอยู่ในระบบคลังหน่วยกิตและเก็บสะสมได้ตามข้อกำหนดของแต่ละสถาบัน รวมทั้งส่งเสริมประสบการณ์ทางวิชาการและสังคมแก่นักศึกษา เป็นต้น
ทั้งนี้ การร่วมมือกันจัดตั้งสถาบันวิศวกรรมปัญญาประดิษฐ์ เกิดขึ้นจากวิสัยทัศน์ที่ตรงกันระหว่างผู้บริหารทั้ง 6 มหาวิทยาลัย เล็งเห็นความจำเป็นเร่งด่วนในการพัฒนาด้านการทรัพยากรสมรรถนะสูง เพื่อสร้างผลงานวิจัย นวัตกรรม ด้านปัญญาประดิษฐ์ของประเทศไทยให้สำเร็จเป็นรูปธรรมเพื่อรองรับการเติบโตของประเทศด้านอุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัล
รศ. ดร.สุพันธุ์ ตั้งจิตกุศลมั่น อธิการบดีมหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันจำนวนบัณฑิตด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและคอมพิวเตอร์ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของภาคอุตสาหกรรม เพราะจากรายงานแนวโน้มความต้องการบุคลากรในอุตสาหกรรมเป้าหมายแห่งอนาคตของ สอวช. พบว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า ภาคอุตสาหกรรมดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์จะมีความต้องการบุคลากรเป็นจำนวนสูงถึง 34,505 ตำแหน่ง ขณะที่รายงานสารสนเทศด้านการศึกษาในสาขาเทคโนโลยีดิจิทัลและคอมพิวเตอร์ของประเทศไทยปี 2560-2564 พบว่านักศึกษามีจำนวนลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยในปีการศึกษา 2564 พบจำนวนนักศึกษาใหม่ 17,485 คนและลดลงกว่าปี 2560 ถึงร้อยละ 7.6 หรือในจำนวน 18,902 คน อย่างไรก็ตาม สถิติดังกล่าวได้สะท้อนให้เห็นถึงความขาดแคลนด้านกำลังคนเพื่อรองรับความต้องการในภาคอุตสาหกรรมดิจิทัล "ดังนั้น CMKL จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การจัดตั้งสถาบันวิศวกรรมปัญญาประดิษฐ์ในครั้งนี้ จะช่วยลดอุปสรรคด้านการเรียนรู้ด้วยพัฒนาหลักสูตรแบบเน้นสมรรถนะของผู้เรียน (Competency-based Education) ที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้เกิดการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริงผ่านความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยโดยกระตุ้นให้นักศึกษามีความสนใจเข้าศึกษาต่อสาขาเทคโนโลยีดิจิทัล คอมพิวเตอร์ และปัญญาประดิษฐ์มากยิ่งขึ้น ตลอดจนสามารถผลิตบุคลากรให้เพียงพอความต้องการของประเทศได้"
นอกเหนือไปจากการพัฒนากำลังคนแล้ว การจัดตั้งสถาบันวิศวกรรมปัญญาประดิษฐ์ยังช่วยพัฒนาด้านงานวิจัยในการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มาใช้เพื่อส่งเสริมภาคอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการ ตลอดจนวิสาหกิจชุมชนในการนำนวัตกรรมมาใช้ยกระดับในกระบวนการผลิต การบริการ ตลอดจนช่องทางการจัดจำหน่าย หนึ่งในนวัตกรรมที่เกิดจากความร่วมมือของมหาวิทยาลัยและภาคธุรกิจในการยกระดับสินค้าชุมชนเข้าสู่แพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซ (e-Commerce) ได้แก่ น้องพอใจ เอไอผู้ช่วยสื่อสารภาษาถิ่นกับระบบรู้จำเสียงอัตโนมัติที่คล้ายคลึงกับที่มีอยู่ในระบบต่างๆ ทั้ง Siri, Alexa, Google Assistant ให้เข้าใจภาษาถิ่นทุกภูมิภาคของไทย เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการสินค้าชุมชนสามารถใช้ภาษาถิ่นในการนำสินค้าเข้าสู่ช่องทางออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงสร้างการรู้จำภาษาถิ่นก่อนนำมาใช้จริง ในอนาคตเชื่อว่าจะมีการพัฒนานวัตกรรมอื่นๆ เพื่อช่วยเหลือสังคมและประเทศเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมากภายใต้ความร่วมมือของสถาบันวิศวกรรมปัญญาประดิษฐ์ รศ. ดร.สุพันธุ์ กล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ พิธีลงนามความร่วมมือระหว่าง 6 มหาวิทยาลัยจัดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อมหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล เว็บไซต์ www.cmkl.ac.th เพจเฟซบุ๊ก www.facebook.com/CMKLUniversity โทรศัพท์ 065-878-5000 หรือสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) โทรศัพท์ 02-329-8321 เพจเฟซบุ๊ก https://th-th.facebook.com/kmitl001
ที่มา: เจซีแอนด์โค คอมมิวนิเคชั่นส์