นายอภิเษก เทวินทรภักติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เบริล 8 พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ BE8 เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้บรรลุข้อตกลงและเข้าลงนามบันทึกข้อตกลงเบื้องต้นในการโอนธุรกิจทั้งหมดของบริษัท เอคซเทนด์ ไอที รีซอร์ส จำกัด หรือ ("X10") ที่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ทาง BE8 ในการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์มุ่งก้าวผู้นำ Digital Tech Consultant ในระดับภูมิภาคอาเซียน โดยนำเสนอนวัตกรรมแห่งเทคโนโลยี ซอฟต์แวร์ระดับโลกและการให้บริการอื่นๆ เพื่อสนับสนุนการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นแบบครบวงจร ตอบโจทย์กลยุทธ์ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนได้อย่างเหมาะสม รวมทั้งเพิ่มศักยภาพการแข่งขันรับกับยุคดิจิทัลที่เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยคาดว่าการเข้าทำรายการดังกล่าวจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคมนี้
สำหรับการเข้าลงทุนในครั้งนี้ บริษัทฯ จะใช้เงินลงทุนประมาณ 620.64 ล้านบาท โดยแบ่งการชำระค่าหุ้นเป็นเงินสด จำนวน 50 ล้านบาทให้แก่ XR Resource และเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ BE8 จำนวน 14.60 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาท โดยกำหนดราคาหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ 39.10 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นมูลค่า 570.64 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าตอบแทนการเข้าซื้อ X10 ในครั้งนี้ ให้แก่ Extend Resource Holding ซึ่ง XR Resource และ Extend Resource Holding เป็นผู้ถือหุ้นของ X10 โดย BE8 จะเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติการเพิ่มทุนในวันที่ 7 กรกฎาคม 2565 จึงกำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุม (Record Date) ในวันที่ 27 พฤษภาคมนี้
ทั้งนี้ X10 ถือเป็นบริษัทเทคโนโลยนีชั้นนำของไทย โดยมีประสบการณ์ให้บริการด้านเทคโนโลยีมากว่า 12 ปี มีฐานลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ มากกว่า 30 ราย มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ด้านการวางโครงสร้างการเชื่อมต่อระบบ Technology Integration Platform โดยเป็นผู้นำการพัฒนาระบบ MuleSoft ในประเทศไทย ซึ่งจะช่วยยกระดับการให้บริการโดยผสานกับระบบ API ของ MuleSoft ที่ BE8 ให้บริการเชื่อมต่อแอปพลิเคชัน ระบบปฏิบัติการ และอุปกรณ์ต่างๆ เข้าด้วยกันให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ตลอดจนผนึกความแข็งแกร่งกับ BE8 ทางด้านดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชัน ตั้งแต่การให้บริการคำปรึกษาด้านกลยุทธ์และพัฒนาเทคโนโลยี การให้บริการเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ระดับโลก ช่วยเพิ่มศักยภาพการเข้าแข่งขันในโปรเจ็กต์ใหม่ๆ ร่วมกัน และสร้างรายได้เพิ่มขึ้น
"นับเป็นก้าวสำคัญในวงการเทค คอมปานี ครั้งใหญ่หลังควบรวมกิจการครั้งนี้ BE8 จะเป็นองค์กรที่มี Technical resource ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ในประเทศไทย เนื่องจากบริษัท X10 มีบุคลากรที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีกว่า 400 คน ผสมผสานกับบุคลากรของ BE8 อีกกว่า 200 คน ที่มีความเชี่ยวชาญและทักษะในด้านเทคโนโลยีดิจิทัลโดยเฉพาะ ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการทำงานต่างๆ เสริมรากฐานทางธุรกิจให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น พร้อมกับการสร้างมิติใหม่ให้กับลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน ขณะเดียวกันยังเป็นการปลดล็อกข้อจำกัดด้านทรัพยากรบุคคลในวงการไอทีและเทคโนโลยีที่ขาดแคลนรองรับการเติบโตในอนาคต และยังส่งผลดีต่อการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ" นายอภิเษก กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BE8 กล่าวว่า บริษัทฯ เดินหน้าตามยุทธศาสตร์มุ่งก้าวผู้นำ Digital Tech Consultant ในระดับภูมิภาคอาเซียน โดยวางเป้ารายได้เติบโต 5 เท่า ใน 3 ปีข้างหน้า ซึ่งบริษัทฯ ยังวางแผนการลงทุนและควบรวมกิจการอีกในอนาคต เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถการแข่งขันให้กับองค์กร ธุรกิจ หน่วยงานภาครัฐ ให้ก้าวทันกับยุคดิจิทัลที่เกิดความเปลี่ยนแปลงและมีเทคโนโลยีใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง
แผนธุรกิจในไตรมาส 2/2565 บริษัทฯ เตรียมผนึกกำลังกับพันธมิตรรายใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ใหม่ๆ สร้างมูลค่าทั้งทางผลิตภัณฑ์และบริการตอบโจทย์โลกดิจิทัลแบบครบวงจร พร้อมเดินหน้าขยายฐานลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง สอดรับกับความต้องการของลูกค้าที่ต้องการนำเทคโนโลยีมาสร้างข้อได้เปรียบทางธุรกิจ มั่นใจว่าด้วยยุทธศาสตร์ของ BE8 จะผลักดันผลการดำเนินงานทั้งปีของบริษัทฯ ให้เติบโตมากกว่า 50% โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565 บริษัทฯ มีมูลค่างานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) 564 ล้านบาท และอยู่ระหว่างการประมูลงานโครงการใหญ่มูลค่ารวมประมาณ 569 ล้านบาท และคาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ 313 ล้านบาท หรือราว 55% ของงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog)
ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2565 (มกราคม - มีนาคม 2565) บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในฐานะเป็นผู้นำ Digital Tech Consultant โดยมีรายได้รวม 123.01 ล้านบาท เติบโต 40.9 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 87.32 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 23.78 ล้านบาท เติบโต 39.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา
นายกฤษดา เกตุภู่พงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท X10 จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ พร้อมนำความเชี่ยวชาญและประสบการณ์การดำเนินธุรกิจด้านดิจิทัลเทคโนโลยี โดยเฉพาะการวางโครงสร้างการเชื่อมต่อระบบ Technology Integration Platform และ Open-API ด้วยระบบ MuleSoft ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นฐานสำคัญของการทำดิจิทัล แทรนส์ฟอร์เมชั่น นอกจากนี้บริษัทฯยังมีความเชี่ยวชาญในด้านดิจิทัลเทคโนโลยีอื่นๆที่จะมาเสริมในการทำดิจิทัลแทรนส์ฟอร์เมชั่น การผสานความแข็งแกร่งของทั้งสองบริษัทจะช่วยส่งมอบโซลูชั่นที่เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้ดียิ่งขึ้นตามที่ลูกค้าองค์กรต้องการ ซึ่งบริษัทฯ มีฐานลูกค้าทั้งในหน่วยงานภาครัฐและเอกชน อาทิ กลุ่มธนาคารกรุงศรีอยุธยา วิริยะประกันภัย กลุ่มบริษัทเซ็นทรัล และ สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ฯลฯ มั่นใจว่าการควบรวมกิจการครั้งนี้จะผลักดัน BE8 ให้ก้าวเป็นผู้นำ Digital Tech Consultant ในระดับภูมิภาคอาเซียน
ที่มา: เอ็มที มัลติมีเดีย