บี.กริม เพาเวอร์ เผยผลประกอบการไตรมาส 1 รายได้เพิ่ม 41% เดินหน้าบริหารจัดการต้นทุนต่อเนื่อง มุ่งเพิ่มสัญญาซื้อขายไฟไม่น้อยกว่า 1,000 เมกะวัตต์ในปีนี้

ศุกร์ ๑๓ พฤษภาคม ๒๐๒๒ ๐๙:๓๓
ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ปี 2565 มีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 41% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนจาก 1) ปริมาณไฟฟ้าที่ขายให้ลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นทั้งจากลูกค้ารายเดิมและรายใหม่ 2) ราคาขายไฟฟ้าต่อหน่วยที่เพิ่มขึ้น รวมถึง 3) ปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้าที่เติบโตจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในประเทศไทยและ สปป. ลาว ด้านกำไรสุทธิ-ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 23 ล้านบาท ลดลง 96.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งปัจจัยหลักมาจากผลการดำเนินงานของธุรกิจโรงไฟฟ้าสำหรับภาคอุตสาหกรรม (SPP) ที่ลดลงจากราคาก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวขึ้นสูงอย่างรวดเร็วจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนในขณะที่การปรับตัวของราคาขายเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่งผลให้มาร์จิ้นจากการขายไฟฟ้าให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมลดลง
บี.กริม เพาเวอร์ เผยผลประกอบการไตรมาส 1 รายได้เพิ่ม 41% เดินหน้าบริหารจัดการต้นทุนต่อเนื่อง มุ่งเพิ่มสัญญาซื้อขายไฟไม่น้อยกว่า 1,000 เมกะวัตต์ในปีนี้

อย่างไรก็ตาม บี.กริม เพาเวอร์ ได้มีการบริหารจัดการต้นทุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเตรียมการนำเข้า LNG ภายใต้สัญญาระยะยาวตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป และไตรมาส 1 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ลงนามสัญญา Terminal Usage Agreement กับ PTT LNG การควบคุมค่าใช้จ่ายทั้งองค์กร การขยายธุรกิจจำหน่ายไฟฟ้าให้กับลูกค้าอุตสาหกรรม และการเติบโตจากเกือบทุกกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมหลัก โดยประเมินว่าปริมาณการซื้อไฟฟ้าของลูกค้าอุตสาหกรรมจะเติบโตประมาณ 10-15% ในปีนี้ รวมทั้งการปรับปรุงประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต ทั้งการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ทดแทนโครงการเดิม (SPP Replacement) ทั้ง 5 โครงการที่จะเริ่มดำเนินการในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะลดอัตราการใช้ก๊าซลงราว 15% การปรับปรุงโรง BPWHA และ ABP4 รวมทั้งการนำเทคโนโลยี Digital Twins ร่วมกับ Siemens มาใช้ในการบำรุงรักษาโรงงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุดอีกด้วย
จากสถานการณ์ราคาเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้นจากเหตุการณ์ข้างต้น คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จึงได้มีการประกาศขึ้นค่าไฟฟ้าตามสูตร (ค่า Ft) 2 ครั้ง เริ่มจาก 16.17 สตางค์ต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง ในเดือน ม.ค. และ 23.38 สตางค์ต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมงในเดือน พ.ค. และคาดว่าจะปรับอีกครั้งในเดือน ก.ย. ด้วยเหตุนี้ประกอบกับการเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์รวม 88 เมกะวัตต์ ของกลุ่ม reNIKOLA ประเทศมาเลเซีย จะเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2565 จะเป็นปัจจัยสนันสนุนผลการดำเนินการในช่วงเวลาที่เหลือของปี

ด้านการเตรียมความพร้อมภายใต้สมมติฐานสถานการณ์ต่าง ๆ รวมถึงการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 บี.กริม เพาเวอร์ มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง โดยมีเงินสดในมือกว่า 2.6 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีกระแสเงินสดที่มั่นคงจากโครงการโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการแล้ว 53 โครงการ การได้รับการอนุมัติขยายวงเงินหุ้นกู้เป็นไม่เกิน 100,000 ล้านบาท ในระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี (พ.ศ. 2565-2569) จากที่ประชุมผู้ถือหุ้นที่ผ่านมา และการสนับสนุนจากหลายสถาบันการเงิน เพื่อเตรียมความพร้อมและความคล่องตัวในการบริหารด้านการเงิน รองรับการเติบโตของธุรกิจ และโอกาสในการลงทุนที่จะเข้ามาในอนาคต

ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ กล่าวว่า ในปีนี้ บริษัทฯ ยังมีการขยายความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำ เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจ โดยในเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับกลุ่มทรู เพื่อร่วมมือพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลเพื่อธุรกิจพลังงาน ประกอบด้วย 1) การพัฒนาระบบโครงการพื้นฐานดิจิทัลด้วยพลังงานอัจฉริยะ 2) การพัฒนาโครงการนวัตกรรม Smart Grid ผ่านเทคโนโลยี 5G 3) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และ 4) การพัฒนาระบบนิเวศเศรษฐกิจใหม่และการส่งเสริมสตาร์ทอัพในประเทศไทย

ส่วนความคืบหน้าของโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างในปีนี้มีอีกหลากหลายโครงการ ประกอบด้วย โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์อู่ตะเภา เฟส 1 ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 18 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในจังหวัดระยอง ปัจจุบันมีความคืบหน้าในการก่อสร้าง 65% โดยมีกำหนดการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปลายปี 2565 และโครงการโรงไฟฟ้า BGPAT2 & BGPAT3 ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งแห่งละ 140 เมกะวัตต์ โดยมีกำหนดการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2566

ปัจจุบัน บี.กริม เพาเวอร์ มีโครงการที่เปิดดำเนินการแล้วทั้งหมด 53 โครงการ โดยมีเป้าหมายที่จะมีกำลังการผลิตรวมของโครงการใหม่ ไม่น้อยกว่า 1 กิกะวัตต์ภายในปีนี้ ทั้งจากโครงการที่ก่อสร้างใหม่และการเข้าซื้อกิจการตั้งอยู่ในหลากหลายประเทศ โดยยังคงเป้าหมายการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 7,200 เมกะวัตต์ ภายในปี 2568 และ 10,000 เมกะวัตต์ภายในปี 2573

ที่มา: บี.กริม เพาเวอร์

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO