นายนพพร ภัทรรุจี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โกลบอล คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOCON ผู้นำการผลิตและจำหน่ายสินค้าอาหารและบรรจุภัณฑ์ เปิดเผยภาพรวมผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1 ปี 2565 ว่า กำไรสุทธิและรายได้รวมทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ โดยมีกำไรสุทธิ 16.41 ล้านบาท เติบโต 394% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีผลขาดทุนราว 7 ล้านบาท หลังปิดกิจการร้านอาหารทั้ง A&W และ Kitchen Plus เพื่อยุติการรับรู้ผลขาดทุน และรายได้รวมเติบโต 50% แตะ 615.69 ล้านบาท ตามการเติบโตที่โดดเด่นในทุกกลุ่มธุรกิจ
ประกอบด้วย กลุ่มธุรกิจอาหารมีรายได้รวม 414.29 ล้านบาท เติบโต 61% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ตามยอดขายธุรกิจอาหารแปรรูปที่เพิ่มขึ้น 86% แตะ 220.80 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการการขายสินค้าอาหารแช่แข็งพร้อมทานให้กับร้านสะดวกซื้อรายใหญ่เพิ่มมากขึ้น ทั้งเมนูเดิมและนำเสนอเมนูใหม่ๆเพิ่มเติม รวมทั้งบริษัทฯได้ขยายฐานจำหน่ายสินค้ากุ้งแช่แข็งให้กับลูกค้ารายใหม่ อาทิ ร้านอาหารขนาดใหญ่ เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบ และยังส่งออกปลาน้ำจืดที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่ธุรกิจผลไม้อบแห้งมียอดขายเติบโต 12% แตะ 130.90 ล้านบาท ตามคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะแถบอเมริกา และยุโรป อีกทั้งบริษัทฯเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจลูกชิ้นหมูเข้ามาตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมาจำนวน 45.65 ล้านบาท และธุรกิจร้านอาหารมียอดขายจำนวน 16.94 ล้านบาท
สำหรับกลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์มีรายได้ 199.13 ล้านบาท เติบโต 33% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ตามยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากทั้งฐานลูกค้าเดิม ประเภทของทานเล่น และอาหาร รวมถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ที่บริษัทฯได้เดินหน้าขยายเพิ่มเติมให้มีความหลากหลาย อาทิ ธุรกิจเครื่องสำอางค์ เป็นต้น
นายนพพร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแนวโน้มผลงานไตรมาส 2/2565 ต่อเนื่องครึ่งปีหลัง มีสัญญาณเติบโตก้าวกระโดด หนุนภาพรวมปี 2565 เป็นปีทองแห่งการเติบโต ตั้งเป้ารายได้ทะลุ 3,000 ล้านบาท หลังรับรู้รายได้ "ลูกชิ้นทิพย์" เต็มไตรมาสตั้งแต่ไตรมาส 2/2565 เป็นต้นไป รวมทั้งบริษัทฯได้ดำเนินการย้ายสายการผลิตกลุ่มอาหารแปรรูป และผลไม้อบไม้แล้วเสร็จ ส่งผลให้ประสิทธิภาพการผลิตเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ
นอกจากนี้ บริษัทฯยังเตรียมแผนออกสินค้าใหม่ๆ ทั้งกลุ่มอาหารแช่เย็น (Chilled Food) ในร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ และสินค้าใหม่กลุ่มซีฟู้ด และซอส จากสายการผลิตซอสของธุรกิจลูกชิ้นหมู ซึ่งมั่นใจสามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้ภายในช่วงไตรมาส 1 ปี 2566 หลังเตรียมแผนล้างขาดทุนสะสมให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2565
ที่มา: บียอนด์ ไออาร์