โดยเมื่อเร็วๆ นี้ มีเลีย โฮเทลส์ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นบริษัทบริหารโรงแรมที่มีการพัฒนาอย่างยั่งยืนมากที่สุดอันดับ 2 ของโลกจากการประเมินด้านความยั่งยืนขององค์กร (CSA) ของ เอส แอนด์ พี โกลบอล (S&P Global) ซึ่งเป็นการประเมินด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่คลอบคลุมในทุกมิติมากที่สุดในโลก โดยมีการจัดอันดับบริษัทมากกว่า 10,000 บริษัทจากทุกอุตสาหกรรม และในปี พ.ศ. 2562 และ พ.ศ. 2563 มีเลีย โฮเทลส์ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้รับการจัดอันดับให้เป็นที่ 1 ในโลกของกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมโรงแรม ส่วนในปีพ.ศ. 2564 บริษัทฯ ยังสามารถรักษาความเป็นผู้นำในด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทวีปยุโรปและประเทศสเปน
"ในขณะที่บริษัทฯ กำลังดำเนินการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องไปทั่วโลก เราก็มีความมุ่งมั่นที่จะใช้หลักการบริหารธุรกิจโรงแรมและการให้บริการรูปแบบใหม่ที่คำนึงถึงการพัฒนาอย่างยั่งยืน และมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในสังคมเพื่อช่วยปกป้องคุ้มครองโลก ซึ่งในปัจจุบันบริษัทของเราถูกมองว่าเป็นมาตราฐานเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืนจากทั่วโลก" มร. กาเบรียล เอสการเรอร์ (Gabriel Escarrer) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) มีเลีย โฮเทลส์ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าว
โรงแรมและรีสอร์ทภายใต้แบรนด์ มีเลีย ทั่วทวีปเอเซียได้ใช้หลักการพัฒนาอย่างยั่งยืนในการดำเนินกิจการโรงแรมและรีสอร์ท โดยมีนโยบายลดหรือยกเลิกการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว และดำเนินการตามมาตราการเพื่อการอนุรักษ์พลังงานและน้ำ
นอกจากนี้ โรงแรมและรีสอร์ทภายใต้แบรนด์ มีเลีย แต่ละแห่งยังมีโครงการและความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมเพื่อช่วยสร้างระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
โรงแรม มีเลีย เชียงใหม่ (Meli? Chiang Mai) โรงแรมขนาด 260 ห้องใจกลางเมืองเชียงใหม่ที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้ริเริ่มโปรแกรม ครัว 360 องศา ซึ่งเลือกใช้วัตถุดิบจากสวนออแกนิค มาใช้ปรุงอาหารเพื่อให้บริการที่ห้องอาหารของโรงแรม ซึ่งเชฟจะให้ความสำคัญของการปรุงอาหารในทุก ๆ ขั้นตอน และเลือกใช้ทุก ๆ ส่วนของวัตถุดิบไม่ว่าจะเป็น ราก ใบ ลำต้น ก้าน และส่วนอื่น ๆ มาปรุงอาหาร เศษอาหารที่เหลือจากการปรุงอาหารก็จะถูกส่งกลับไปที่สวนออแกนิคเพื่อทำเป็นปุ๋ยหมัก นอกจากนั้น โปรแกรมครัว 360 องศา ยังมีเป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่จะทำงานร่วมกับเกษตรกรในท้องถิ่นอย่างใกล้ชิดเพื่อช่วยพัฒนาการเกษตรให้เติบโตแบบยั่งยืน ซึ่งโรงแรม มีเลีย เชียงใหม่ ทำงานร่วมกับ ออริจิ้น เดอะกัวร์เม่ ฟาร์ม (ORI9IN The Gourmet Farm) ฟาร์มออร์แกนิคที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรม เพื่อปลูกผลผลิตที่ต้องการไม่ว่าจะเป็นผลไม้ ผัก หรือ สมุนไพรบนสวนออร์แกนนิคขนาด 5 ไร่ ในพื้นที่ของออริจิ้น เดอะกัวร์เม่ ฟาร์ม เพื่อนำมาใช้บริการอาหารและเครื่องดื่มที่ ห้องอาหาร และ บาร์ ของโรงแรม รวมไปถึงการบริการที่สปาด้วย
ส่วน โรงแรม มีเลีย บา วี เมาเทนท์ รีทรีท (Meli? Ba Vi Mountain Retreat) ในประเทศเวียดนาม ก็ได้ดำเนินการตามหลักปรัชญาที่คล้ายกับ โรงแรม มีเลีย เชียงใหม่ โดยนำวัตถุดิบที่ปลูกบนบาลังซาสวนออแกนิคภายในโรงแรม มาใช้กับการบริการอาหารที่ห้องอาหาร การบริการที่สปา และการบริการอาหารในห้องอาหารสำหรับพนักงาน เศษอาหารที่เหลือจากการปรุงอาหารก็นำกลับไปฝังดิน โดยในแต่ละวันโรงแรมฝังขยะออแกนิคและขยะชีวภาพที่ย่อยสลายได้ประมาณ 45 กิโลกรัม ต่อวัน
มีเลีย เกาะสมุย (Meli? Koh Samui ) รีสอร์ทริมหาดในประเทศไทย ก็กำลังเน้นเรื่องเกษตรกรรมแบบยั่งยืน ซึ่ง มีเลีย เกาะสมุยมีพื้นที่สวนขนาดใหญ่กว่า 10 ไร่ ที่จะพัฒนาให้เป็นมากกว่าแค่พื้นที่สำหรับการปลูกวัตถุดิบสดใหม่มากมายเพื่อป้อนให้แก่ครัวเท่านั้น แต่ยังจะเป็นแหล่งเรียนรู้ ที่มีเป้าหมายในระยะยาวเพื่อช่วยให้ความรู้แก่ผู้ที่สนใจถึงความสำคัญของการใช้ที่ดินเพื่อทำการเกษตรกรรมแบบยั่งยืน ผ่านกิจกรรมการเกษตรที่ได้ลงมือปฏิบัติและกิจกรรมสอนทำอาหาร
มีเลีย โฮ แทรม บรีช รีสอร์ท (Meli? Ho Tram Beach Resort) รีสอร์ทบนชายฝั่งตอนใต้ของประเทศเวียดนาม ได้เริ่มปลูกเครื่องเทศในสวนของรีสอร์ท ในช่วงที่ขาดแคลนพืชผักจากการปิดเมืองอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต่อมาโครงการได้ขยายตัวเพื่อปลูกพืชสมุนไพรและผักหลากหลายชนิดมากขึ้น โดยมีเลีย โฮ แทรม บรีช รีสอร์ท กีมีโครงการคล้าย ๆ กับที่ มีเลีย เกาะสมุย ที่จะเพิ่มกิจกรรมในสวนให้ลูกค้าที่มาเข้าพักได้ร่วมสนุกแบบไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม อาทิ กิจกรรมระบายสีกระถางต้นไม้ กิจกรรมทายชื่อดอกไม้ กิจกรรมทำงานฝีมือจากใบไม้ และกิจกรรมทำน้ำมันหอมระเหยสมุนไพร
นอกจากนั้น โรงแรมและรีสอร์ทภายใต้แบรนด์มีเลีย อีก 8 แห่ง ทั่วทั้งเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ โรงแรม มีเลีย กัวลาลัมเปอร์ (Meli? Kuala Lumpur) โรงแรม มีเลีย บาหลี (Meli? Bali) รวมไปถึง โรงแรม มีเลีย ที่ตั้งอยู่ที่ประเทศเวียดนามได้แก่ โรงแรม มีเลีย ดานัง (Meli? Danang) โรงแรม มีเลีย ฮานอย (Meli? Hanoi) โรงแรม มีเลีย โฮ แทรม (Meli? Ho Tram) และ โซล บาย มีเลีย ฟู้ก๊วก (Sol by Meli? Phu Quoc) ได้ร่วมมือกับบริษัท ไดเวอร์ซี่ (Diversey) บริษัทชั้นนำด้านสุขอนามัยและการทำความสะอาดในโครงการ "Soap for Hope"
การริเริ่มโครงการรีไซเคิลและแปรสภาพสบู่กลับมาใช้ใหม่นี้ไม่เพียงสามารถช่วยเหลือชีวิตของผู้ด้อยโอกาสในสังคมด้วยการพัฒนาด้านสุขอนามัยเท่านั้น แต่ยังเป็นโครงการที่สร้างอาชีพให้แก่คนในชุมชนที่ยังขาดโอกาสและช่วยโรงแรมลดปริมาณขยะจากสบู่ที่เหลือใช้ โดยคนในชุมชนจะได้เรียนวิธีแปรสภาพสบู่ด้วยกระบวนการอัดเย็น (cold-press) ซึ่งสามารถผลิตสบู่ก้อนใหม่ได้ภายในเวลาไม่ถึง 10 นาที ซึ่งวิธีการนี้ไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานไฟฟ้าหรือน้ำ สบู่ก้อนที่ผ่านการแปรรูปขึ้นมาใหม่จะถูกนำไปแจกจ่ายภายในชุมชนหรือส่งต่อไปยังชุมชนอื่น ๆ ที่มีความต้องการ
มีเลีย โฮเทลส์ อินเตอร์เนชั่นแนล ยังพยายามอย่างเต็มความสามารถเพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทฯ เป็นผู้นำด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บริษัทได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้นำด้านการมีส่วนร่วมกับผู้ผลิต หรือ Supplier Engagement Leader จาก ซีดีพี (CDP) ซึ่งเป็นองค์กรระดับนานาชาติที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องรายงานผลกระทบจากสิ่งแวดล้อม ซึ่งในรายงานประจำปีเพื่อสำรวจการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของซีดีพี บริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับสูงสุดในหัวข้ออัตราการมีส่วนร่วมของผู้ผลิต หรือ Supplier Engagement Rate (SER) นอกจากความพยายามลดปริมาณการปล่อยมลพิษที่เกิดจากการดำเนินกิจการโรงแรมโดยตรงแล้ว มีเลีย โฮเทลส์ อินเตอร์เนชั่นแนล ยังทำงานร่วมกับผู้ผลิตหรือคู่ค้าเพื่อร่วมกันลดปริมาณการปล่อยมลพิษจากการดำเนินกิจการ โดยบริษัทฯ มีหลักจรรยาบรรณที่ผู้ผลิตหรือคู่ค้าจะต้องปฏิบัติตาม เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผู้ผลิตหรือคู่ค้านั้น ๆ มีแนวปฏิบัติและคำมั่นสัญญาเรื่องการพัฒนาแบบยั่งยืนเชกเช่นเดียวกับมีเลีย โฮเทลส์ อินเตอร์เนชั่นแนล
"ทุก ๆ วันควรเป็นวันคุ้มครองโลก การให้ความสำคัญกับการพัฒนาแบบยั่งยืนเป็นสิ่งที่ถูกทักทอและฝังลึกอยู่ในพื้นฐานของบริษัทเรา ไม่ว่าจะเป็นวันไหนก็ตาม" นายอิกนาซิโอ มาร์ติน (Ignacio Martin) กรรมการผู้จัดการ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Managing Director Southeast Asia) มีเลีย โฮเทลส์ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าว
ที่มา: มีเลีย โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ทส์