โมดูลซีรีส์ดีปบลู 4.0 เอ็กซ์ ใช้เวเฟอร์ 182 มม. ซึ่งมีห่วงโซ่อุปทานเติบโตเต็มที่และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรม โดยประกอบด้วยโมดูล 3 แบบที่รองรับทุกสภาพการใช้งาน ได้แก่ โมดูล 54 เซลล์สำหรับการใช้งานระดับครัวเรือน โมดูล 72 เซลล์ และ 78 เซลล์สำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์และระดับสาธารณูปโภค โมดูลดีปบลู 4.0 เอ็กซ์ ผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน IEC 61215 และ IEC 61730 อีกทั้งยังผ่านการรับรองจากบริษัท ทูฟ ซูด (TUV SUD) นอกจากนั้นยังผ่านการทดสอบการต้านทานหมอกเกลือ แอมโมเนีย ทราย และฝุ่น จึงเหมาะสำหรับการใช้งานในสถานการณ์และสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย
นอกเหนือจากจุดแข็งที่สืบทอดมาจากโมดูลซีรีส์ดีปบลู 3.0 (DeepBlue 3.0) แล้ว ดีปบลู 4.0 เอ็กซ์ ยังบูรณาการเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจากเจเอ โซลาร์ หนึ่งในนั้นคือเทคโนโลยีเซลล์ไบเซียม+ (Bycium+) ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงถึง 24.8% สำหรับการผลิตในประมาณมาก อันเป็นผลมาจากซับสเตรตและโครงสร้างคุณภาพสูง นอกจากนี้ ดีปบลู 4.0 เอ็กซ์ ยังใช้เทคโนโลยีการห่อหุ้มโมดูลความหนาแน่นสูงที่เชื่อมต่อกันแบบไร้ช่องว่าง (Gapless Flexible Interconnection หรือ GFI) ด้วยการออกแบบริบบิ้นซับแรงกระแทกและใช้วัสดุห่อหุ้มคุณภาพสูงเพื่อรองรับความเค้นเชิงกลบริเวณจุดเชื่อมต่อของเซลล์ จึงช่วยขจัดความเสี่ยงในการเกิดรอยแตกขนาดเล็ก ส่งผลให้ดีปบลู 4.0 เอ็กซ์ มีความน่าเชื่อถือมากขึ้นและมีผลผลิตพลังงานสูงขึ้น ด้วยกำลังไฟฟ้าสูงสุด 625 วัตต์ และประสิทธิภาพสูงสุด 22.4%
คุณคุน ถัง ผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีผลิตภัณฑ์ของเจเอ โซลาร์ เปิดเผยว่า เจเอ โซลาร์ พัฒนาเทคโนโลยีเอ็นไทป์มานานหลายปีแล้ว หลังจากลงทุนอย่างต่อเนื่องในด้านการวิจัยและพัฒนาและการทดลอง ในที่สุดบริษัทก็พร้อมผลิตในปริมาณมาก เพื่อพิสูจน์ประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าของโมดูล เจเอ โซลาร์ และ ทูฟ นอร์ด (TUV NORD) ได้ทำการทดสอบผลผลิตพลังงานนานหนึ่งปี (กุมภาพันธ์ 2564-กุมภาพันธ์ 2565) ณ ศูนย์ทดสอบเซลล์แสงอาทิตย์จีนในเมืองหยินฉวน (ภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน) ผลที่ได้แสดงให้เห็นว่าโมดูลเอ็นไทป์ที่ใช้เซลล์ Bycium+ มีผลผลิตพลังงานสูงกว่าโมดูล p-PERC ถึง 3.9% นอกจากนี้ ข้อมูลการจำลองระบบเซลล์แสงอาทิตย์ของเจเอ โซลาร์ ยังระบุว่า เมื่อเปรียบเทียบกับโมดูลพีไทป์ (p-type) พบว่าโมดูลดีปบลู 4.0 เอ็กซ์ มีต้นทุนอุปกรณ์ประกอบระบบ (BOS) ลดลง 2.1% และต้นทุนการผลิตไฟฟ้าต่อหน่วยไฟฟ้าปรับเฉลี่ย (LCOE) ลดลง 4.6% ขณะที่อัตราผลตอบแทนเพิ่มขึ้นและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ลูกค้า
คุณซินเว่ย หนิว สมาชิกคณะกรรมการบริษัทและรองประธานอาวุโสของเจเอ โซลาร์ กล่าวว่า "การพัฒนาโซลูชันที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและปล่อยคาร์บอนต่ำกลายเป็นพันธกิจที่มีความสำคัญในระดับโลก ในฐานะที่เป็นหนึ่งในแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่มีความคุ้มค่าและยืดหยุ่นที่สุด พลังงานแสงอาทิตย์จึงกลายมาเป็นกำลังสำคัญในการส่งเสริมความเป็นกลางทางคาร์บอน จากโมดูลพีไทป์มาจนถึงเอ็นไทป์ จากดีปบลู 3.0 มาจนถึงดีปบลู 4.0 เอ็กซ์ เรายังคงยึดมั่นในแนวคิดการออกแบบผลิตภัณฑ์โดยมี "ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง" เราพยายามอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าของโมดูลเซลล์แสงอาทิตย์ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ลูกค้าและส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในระดับโลก ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนทั่วโลก"
รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1820660/IMAGE.jpg