นายณรงค์ ศรีวรรณวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฎิบัติการสายงานขายและธุรกิจค้าปลีก บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) (COM7) ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกสินค้าไอทีรายใหญ่ของประเทศ เปิดเผยว่า บริษัทฯ รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/2565 มีกำไรสุทธิ 783.2 ล้านบาท เติบโต 38.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้อยู่ที่ 14,682.3 ล้านบาท เติบโต 22.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นการเติบโตจากสินค้าในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ สะท้อนความสามารถในการบริหารจัดการ ซึ่งในไตรมาส 1/2565 บริษัทฯ มีรายได้ธุรกิจค้าปลีกอยู่ที่ 13,356 ล้านบาท เติบโต 19.1% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากสถานการณ์สินค้าขาดตลาดในไตรมาส 1/2564 ประกอบกับ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด19 (COVID19) ที่เริ่มคลี่คลายในไตรมาส1/2565 ส่งผลให้อุปสงค์ของผู้บริโภคต่อสินค้าไอทีเพิ่มมากขึ้น
รวมถึงการดำเนินกลยุทธ์ในการบริหารจัดการสินค้า ทั้งการกระจายสินค้า และการสำรองสินค้า เพื่อให้เพียงพอต่อการจำหน่ายในทุกช่องทางโดยเฉพาะสินค้าเปิดตัวใหม่ จึงผลักดันให้รายได้ของบริษัทเติบโตขึ้นในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะจากกลุ่มไอโฟน (iPhone) ไอแพด (iPad) สมาร์ทโฟน (Smartphone) และคอมพิวเตอร์พกพา (Laptop) นอกจากนี้ บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการขยายสาขาใหม่ โดยหาทำเลที่มีศักยภาพสร้างรายได้ต่อสาขาที่สูงขึ้น ส่งผลให้รายได้มีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ สัดส่วนรายได้จากช่องทางจำหน่ายอื่นๆ เติบโตมาอยู่ที่ 1,289 ล้านบาท หรือคิดเป็น 71.9% โดยหลักมาจากรายได้ผ่านช่องทาง Online ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าที่ดี และเป็นที่รู้จักมากขึ้น รวมถึงการขยายฐานลูกค้าด้วยการเพิ่มประเภทสินค้าที่จำหน่ายให้มีความหลากหลาย เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก และโทรทัศน์ นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากการทำสินเชื่อเช่าซื้อกลุ่มสินค้าไอที และการเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายขายส่งสินค้าประเภทมือถือและ IoT ให้กับพันธมิตรคู่ค้ากว่า 3,000 รายทั่วประเทศ ซึ่งสามารถมียอดขายที่เพิ่มขึ้น รวมไปถึงบริษัทยังคงหาการลงทุนที่เหมาะสมในธุรกิจอื่นๆ เพื่อขยายช่องทางการจัดจำหน่ายเพิ่มเติมอีกด้วย
ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 1/2565 มีสาขาภายใต้การบริหารงานของกลุ่มบริษัท รวมทั้งหมด 1,031 สาขา แบ่งเป็น BaNANA จำนวน 398 สาขา, Studio7 จำนวน 116 สาขา, KingKong Phone จำนวน 80 สาขา, True Shop by Com7 จำนวน 124 สาขา, แฟรนไชส์ จำนวน 134 สาขา, BKK จำนวน 35 สาขา, iCare จำนวน 30 สาขา และอื่นๆ จำนวน 114 สาขา โดยมีการขยายเพิ่มจากสิ้นปี 2564 รวมทั้งสิ้น 31 สาขา ซึ่ง ณ สิ้นปี 2564 มีจำนวน 1,000 สาขา ซึ่งการขยายสาขาเป็นอีกจุดแข็งสำคัญ เพื่อต่อยอดการเติบโตในอนาคต และตั้งเป้าสิ้นปีมีแผนขยายสาขา รวมอยู่ที่ประมาณ 1,200 สาขา สนับสนุนเป้าหมายรายได้โตอีกไม่ต่ำกว่า 20% จากปีก่อน
อย่างไรก็ดี ในปี 2565 มองว่า จะเป็นปีที่เห็นความชัดเจนของ COM7 จับมือพันธมิตรรายใหม่ๆ เข้ามาเสริมความแข็งแกร่ง นำ Core-Business ด้านสินค้าไอทีและสินค้าเทคโนโลยีมาต่อยอดไปยังอุตสาหกรรมที่เป็นโอกาสมากขึ้น อาทิ ล่าสุดได้ประกาศแผนร่วมลงทุนกับ บริษัท รอยัล บางกอกเฮ็ลธ์แคร์ จำกัด หรือ RBH ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท กรุงเทพดุสิต เวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS เพื่อรุกธุรกิจร้านขายยาขนาดใหญ่ ในรูปแบบร้านสแตนด์อโลน (Standalone) และตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า โดยคาดเห็นสาขาต้นแบบสาขาแรกภายในครึ่งปีหลัง และภายใน 3 ปี คาดจะมี 50 สาขา ครอบคลุมทั่วประเทศ รับเมกะเทรนด์ประเทศไทยด้านสุขภาพ (Health & Wellness) และสอดรับการเข้าสู่สังคมสูงวัยในอนาคต เป็นโอกาสที่จะนำเรื่องของไอทีและเทคโนโลยี ในกลุ่มสินค้า IoT ต่างๆ ไปอยู่กับหมวดสินค้าที่เป็นเรื่องของสุขภาพได้เช่นกัน
ที่มา: ไออาร์ พลัส