ดร.อังกูร ฉันทนาวานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลลาดพร้าว จำกัด (มหาชน) หรือ LPH เปิดเผยถึง ผลประกอบการของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในงวดไตรมาส 1 ปี 2565 มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่จำนวน 151.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 275.07% มีรายได้รวมอยู่ที่ 717.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 49.45% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้จากการรักษาพยาบาล 648 ล้านบาท เติบโตขึ้น 57.98% สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มสูงขึ้นของรายได้การรักษาพยาบาลสำหรับผู้ใช้บริการทั่วไปเติบโต 50.51% และจากโครงการประกันสังคม 69.67% ซึ่งมีปัจจัยหลักจากผู้เข้ารับบริการทั้งผู้ป่วยปกติและผู้ป่วยที่มีอาการร่วมกับโรคโควิด-19 และเข้ามารับการรักษาในหอผู้ป่วยแยกสำหรับผู้ป่วยจากไวรัสโควิด-19 เฉลี่ยประมาณร้อยละ 75-80 ของความสามารถรองรับที่มีอยู่ประมาณ 900 เตียง ในไตรมาส 1/2565
โดยแผนธุรกิจปี 2565 นี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตประมาณ 15-20% เนื่องจากคาดว่าปริมาณผู้ป่วยจากต่างประเทศโดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าตะวันออกกลาง (อาหรับ) และประเทศกัมพูชาจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น หลังจากบริษัทมีการทำข้อตกลงกับกลุ่มลูกค้าในเป้าหมายไว้แล้ว รวมถึงการดึงแพทย์เฉพาะทางจากโรงพยาบาลขนาดใหญ่เข้ามาร่วมให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับคาดว่าสถานการณ์แนวโน้มลูกค้ากลุ่มผู้ป่วยทั่วไปจะกลับเข้ารับบริการในภาวะปกติได้ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2565
ขณะที่แผนการลงทุนในปี 2565 บริษัทเตรียมงบลงทุนไว้ประมาณ 1,000 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับก่อสร้างอาคารใหม่ 3 อาคาร โดยแบ่งเป็นอาคารจอดรถอัจฉริยะ 300 คัน มูลค่าราว 60 ล้านบาท ในเดือนมกราคม 2565 เตรียมลงฐานราก คาดว่าใช้เวลาก่อสร้าง 6 เดือน และก่อสร้างอีก 2 อาคาร พื้นที่อาคารรวมประมาณ 10,000 ตารางเมตร จำนวนเตียงเพิ่มขึ้น 50 เตียง เพื่อใช้เป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านตา และโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านศัลยกรรมและศูนย์โรคหัวใจ มูลค่าราว 400-500 ล้านบาทแต่ละอาคาร คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี 2566 และเปิดให้บริการปี 2567 การลงทุนโรงพยาบาลเฉพาะทาง ถือเป็นการยกระดับมาตรฐานการรักษาพยาบาลให้สูงขึ้น
นอกจากนี้ LPH ยังมีแผนลงทุนขยายโรงพยาบาลตรวจสุขภาพอีก 3 แห่ง ใช้เงินลงทุนแห่งละ 15-20 ล้านบาท โดยเล็งพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา และจังหวัดนครราชสีมา รวมทั้งกำลังศึกษาพื้นที่ในภาคเหนือ เช่น จังหวัดลำพูน ลำปาง แพร่ เชียงราย เป็นต้น ซึ่งการลงทุนดังกล่าวจะใช้โมเดลเดียวกับการเข้าลงทุนในหุ้นสามัญของโรงพยาบาลเอกชน ในจังหวัดอยุธยา คือ โรงพยาบาลเอเชีย ที่ LPH ถือหุ้นประมาณ 50% ส่วนที่เหลือก็ให้แพทย์ พนักงาน สถานประกอบการ โรงงาน คนท้องถิ่น ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการถือหุ้น ทั้งนี้ รายได้หลักของโรงพยาบาลฯ คือ ห้องพยาบาล บริการตรวจสุขภาพนอกสถานที่ ซึ่งตามกฎหมายโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ต้องตรวจสุขภาพพนักงานทุกปี และต้องมีการตรวจด้านอาชีวอนามัย เป็นต้น
"การลงทุนดังกล่าวเพื่อขยายธุรกิจด้านการให้บริการตรวจวิเคราะห์และวิจัยพัฒนาด้านการแพทย์ ด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัยให้กับบริษัท และสถานพยาบาลต่างๆ รวมถึงการตรวจสุขภาพประจำปี และการตรวจอาชีวอนามัยให้กับกิจการและผู้ใช้บริการทั่วไป อันจะเป็นการเพิ่มศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจด้านสุขภาพซึ่งเป็นธุรกิจที่สอดคล้องและสนับสนุนธุรกิจโรงพยาบาลของบริษัท" ดร.อังกูร กล่าว
นอกจากนี้ LPH ได้เช่าพื้นที่ศูนย์ซ่อมรถของ VOLVO อยู่ตรงข้ามรพ.ลาดพร้าว และติดกับทางขึ้นลงสถานีรถไฟฟ้าสายสีเหลือง พื้นที่ประมาณ 3 ไร่ เพื่อดำเนินการเป็นศูนย์การแพทย์ประกันสังคม รองรับผู้ป่วยประกันสังคม ซึ่งปีนี้ LPH ได้รับโควต้าเพิ่มอีก 3 หมื่นคน รวมกับผู้ประกันตนเดิมมี 170,000 คน ส่งผลให้ปัจจุบันมีผู้ประกันตนรวม 200,000 คน โดยพื้นที่ส่วนที่เหลือจะเปิดเป็น Health Spa&Plaza ประมาณ 1,000 ตร.ม. คาดเปิด Q4/65 นี้ ส่วนอีกโครงการ คือ ศูนย์อาหารครบวงจร คาดจะสรุปได้ภายในเดือน พ.ค.นี้
ที่มา: ไออาร์ พลัส