นายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ WICE ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศแบบครบวงจร เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจช่วงไตรมาส 2/65 แนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยมีปริมาณความต้องการขนส่งทางทะเล (Sea Freight) เพิ่มขึ้นในกลุ่มลูกค้าหลัก อาทิ ประเทศสหรัฐอเมริกา และ จีน ครอบคลุมการให้บริการขนส่งสินค้ามาร์จิ้นสูง ได้แก่ กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์, กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน และ กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขการส่งออกของไทยในช่วงไตรมาส 1/65 ที่มีมูลค่า 73,601.38 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีอัตราการขยายตัว 14.94%
อีกทั้ง บริษัทร่วมมือกับบริษัทในเครือทั้ง 9 แห่ง เพื่อขยายตลาดไปยังประเทศสหรัฐอเมริกามากขึ้น ปัจจุบันส่งออกแล้วจำนวน 2,647 TEUS จากเป้าหมายการส่งออกจำนวน 10,000 TEUS ในปี 2565 ซึ่งนอกจากจะเป็นการขยายฐานลูกค้าให้กับกลุ่มบริษัทแล้ว ยังถือว่าได้รับอานิสงส์จากค่าเงินบาทที่อ่อนตัวในช่วงนี้อีกด้วย
ด้านบริการขนส่งข้ามแดน (Cross Border Service) แนวโน้มเติบโตก้าวกระโดด จากความต้องการใช้บริการขนส่งทางรถไฟ (Road-Rail Service) ที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เป็นขนส่งทางเลือกที่ช่วยลดปัญหาการติดค้างของสินค้าหน้าด่านศุลกากร ปัจจุบันบริษัทเปิดให้บริการไปแล้วจำนวน 255 เที่ยว และคาดว่าจะให้บริการได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ในปี 2565 จำนวน 3,000 เที่ยว
สำหรับบริการคลังสินค้าที่บริหารงานโดยบริษัท ไวส์ ซัพพลายเชน โซลูชั่นส์ จำกัด ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนโซลูชั่นส์แบบครบวงจร ทั้งงานคลังสินค้า การกระจายสินค้า การขนส่งสินค้า (Equipment) ขนาดใหญ่ บริษัทได้รับสัญญาใหม่ให้บริการจัดการคลังสินค้าให้ลูกค้าในรูปแบบออนไซต์ (Onsite Warehouse Management) พื้นที่ขนาด 15,000 ตร.ม. ครอบคลุมการออกแบบขั้นตอนการปฏิบัติงาน วางแผนและจัดหากำลังคน รวมถึงควบคุมการทำงานภายในคลังสินค้าของลูกค้า นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อเตรียมเปิดคลังสินค้าแห่งใหม่ ถนนบางนา-ตราด จ.กรุงเทพฯ พื้นที่ 10,000 ตร.ม. ซึ่งจะมีความชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง 2565
"บริษัทประเมินสถานการณ์ล่วงหน้าและปรับกลยุทธ์เพื่อรับมืออยู่เสมอ อาทิ การเตรียมแผนบริหารต้นทุนน้ำมัน โดยกำหนดราคาให้อยู่ในค่าบริการขนส่ง ซึ่งเป็นไปตามที่ตกลงกันในสัญญาสำหรับลูกค้าระยะยาว และการปรับราคาในกลุ่มลูกค้าระยะสั้น พร้อมทั้งเจรจากับลูกค้าต่อเนื่องเพื่อปรับราคาต้นทุนน้ำมันให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ทั้งนี้ บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการตามแผนกลยุทธ์ที่วางไว้ เพื่อสร้างรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมายในปี 2565 ที่ 9,000 ล้านบาท" นายชูเดช กล่าว
ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 1/65 บริษัทมีรายได้รวม 2,165.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,287.36 ล้านบาท จำนวน 878.49 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 68.24% และ มีกำไรสุทธิ 157.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 81.60 ล้านบาท จำนวน 76.13 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 93.31%
ที่มา: เวิร์คลิ้งค์ ดาเอเจนซี่