แม้ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2565 จะยังได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แต่ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ก็ยังคงเติบโตถึง 15% ทั้งยอดขายและกำไรในปีที่ผ่านมา ด้วยการวางกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ถูกต้องและประเมินสถานการณ์ได้อย่างแม่นยำ ส่งผลให้บริษัทฯ ทำผลงานได้ตามเป้าหมาย อีกทั้งมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง "บริษัทฯ จะยังเน้นพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบเพื่อเจาะกลุ่ม real demand หรือกลุ่มกำลังซื้อจริงเป็นหลัก และมีการปรับกระบวนการทำงานภายในเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ โดยรวมถึงการนำระบบไอทีและเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาใช้ในการดำเนินธุรกิจเพื่อให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของโลกด้วยกลยุทธ์ Smart Marketing เพื่อรองรับการเติบโตที่ยั่งยืนขององค์กรในอนาคต" นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กล่าว "ในปี 2565 ถือเป็นปีที่ท้าทายยิ่งกว่า เพราะนอกจากจะได้รับผลพวงจากการระบาดของโควิด-19 แล้ว ทั่วโลกยังต้องเผชิญกับผลกระทบจากภาวะสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ควบคู่กันไปด้วย ส่งผลให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ สินค้าปรับขึ้นราคาในวงกว้าง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายในการดำเนินธุรกิจให้เกิดการเติบโต ด้วยการพัฒนากลยุทธ์ที่พร้อมเผชิญความท้าทาย ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จึงมั่นใจในความพร้อมที่จะรับมือกับความเสี่ยงที่มีเข้ามาในปี 2565"
"ศักยภาพด้านการคาดการณ์สถานการณ์ล่วงหน้าของบริษัทฯ ทำให้ลลิลฯ ยังสามารถบริหารราคาต้นทุนเดิมได้ ซึ่งถือเป็นจุดแข็งหลักของ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ อีกปัจจัยที่ต้องนำมาวิเคราะห์ร่วมด้วยคือการปรับตัวสูงขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในไทย หากมีแรงส่งจากต่างประเทศก็อาจเห็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยในช่วงปลายปีนี้ได้เช่นกัน"
โดยในปี 2565 บริษัทฯ ยังคงตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 10% ตามแผนงานของบริษัทฯ ที่ได้ประกาศไว้เมื่อต้นปี "การดำเนินธุรกิจในอนาคตจากนี้ต้องอาศัยความรอบคอบและกลยุทธ์ที่พร้อมจะบริหารความเสี่ยงจากสภาพแวดล้อมให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งบริษัทฯ ก็ไม่ได้ปิดกั้นการขยายธุรกิจไปสู่รูปแบบอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ แต่ต้องพิจารณาอย่างละเอียดตราบใดที่ภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังคงผันผวน ก็ต้องนำประเด็นดังกล่าวมากำหนดเป็นปัจจัยหลักเพื่อใช้วิเคราะห์ร่วมกับการวางแผนธุรกิจของบริษัทฯ นับจากนี้" นายชูรัชฏ์ กล่าวสรุป
สอบถามและชมข้อมูล ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ เพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1778 หรือ www.lalinproperty.com
ที่มา: โฟว์ดี คอมมิวนิเคชั่น