สมาคมผู้ค้าปลีกไทย ชูภาคการค้าปลีกและบริการ เป็นกลไกขับเคลื่อนประเทศ ชง 3 มาตรการสำคัญ ดันเศรษฐกิจไทยให้ติดปีก

ศุกร์ ๒๗ พฤษภาคม ๒๐๒๒ ๑๔:๕๔
เป็นเวลายาวนานเกือบ 3 ปีที่ไทยได้รับผลกระทบจากโควิด 19 ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อเศรษฐกิจไทยทั้งระบบ และแม้ว่าสถานการณ์ ดูเหมือนกำลังจะคลี่คลายลงภายหลังจากการเปิดประเทศในวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา ประเทศไทยก็ยังต้องเผชิญกับความท้าทาย ทั้ง 5 หรือที่เรียกว่า "พายุเศรษฐกิจ 5 สูง" ประกอบด้วย เงินเฟ้อสูง หนี้ครัวเรือนสูง ราคาพลังงานสูง ต้นทุนสินค้าสูง และราคาสินค้าสูง ซึ่งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน จะต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด แม้ขณะนี้ ประเทศไทยยังไม่เผชิญกับ Stagflation หรือภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่ก็ยังมีความเสี่ยงอยู่ หากเราไม่สามารถเร่งเครื่องเดินหน้าเศรษฐกิจไทยให้โตขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาจนำไปสู่ Stagflation ได้ในที่สุด เพราะฉะนั้นเราจึงต้องผลักดันเศรษฐกิจให้มีการเติบโตท่ามกลางพายุเศรษฐกิจ 5 สูง โดยต้องมีมาตรการเชิงรับและเชิงรุก ที่รอบด้าน และทำให้เกิดผลลัพธ์ได้จริง
สมาคมผู้ค้าปลีกไทย ชูภาคการค้าปลีกและบริการ เป็นกลไกขับเคลื่อนประเทศ ชง 3 มาตรการสำคัญ ดันเศรษฐกิจไทยให้ติดปีก

นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า "ปัจจุบันเศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงฟื้นฟู แต่ยังคงมีความเปราะบาง จากปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจ โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ไทยมีการส่งออกเป็นพระเอก แต่ตอนนี้จะเป็นการสลับขั้วกัน การส่งออก จะโตได้ไม่มากเนื่องจากถูกจำกัดจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครน และราคาน้ำมันโลกที่พุ่งสูงขึ้น ต่อจากนี้ไป ภาคค้าปลีกและบริการจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และถือเป็นเครื่องจักรสำคัญที่จะทำให้ภาคการท่องเที่ยวโตขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ เพราะในขณะนี้ ประเทศไทยต้องพึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติเป็นหลัก โดย ภาคการท่องเที่ยวมี SMEs ของค้าปลีกและบริการอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่ง SMEs ของภาคค้าปลีกและบริการนั้นมีจำนวนถึง 2.4 ล้านราย คิดเป็น 80% ของ SMEs ทั้งประเทศ (SMEs ทั้งประเทศมีจำนวนกว่า 3 ล้านราย) อีกทั้ง ยังมีการจ้างงานในระบบกว่า 13 ล้านราย คิดเป็น 30% ของการจ้างงานทั้งประเทศ ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการช่วยให้สถานะของตลาดแรงงานและระบบตลาดแรงงานไทยกลับมาแข็งแรงขึ้นอีกครั้ง นอกจากนี้ มูลค่าทางเศรษฐกิจโดยรวมของกลุ่มนี้ มีมูลค่ารวมกว่า 5.6 ล้านล้านบาท คิดเป็น 34% ของ GDP การบริโภคทั้งประเทศ ดังนั้นถ้าภาครัฐผลักดันให้ SMEs ในภาคค้าปลีกและบริการแข็งแรง โดยสร้างแต้มต่อและเสริมสภาพคล่อง ให้ SMEs ผ่านการเชื่อมต่อกับธุรกิจขนาดใหญ่ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้สะดวกและรวดเร็ว ก็จะเสริมให้ภาคท่องเที่ยวของประเทศแข็งแรงมากยิ่งขึ้น เศรษฐกิจไทยจึงจะกลับมาฟื้นคืน และเดินหน้าได้อย่างเต็มกำลังอีกครั้ง"

สมาคมผู้ค้าปลีกไทย จึงขอนำเสนอ 3 มาตรการเชิงรับและเชิงรุก ดังนี้

  1. ช่วยเหลือ SMEs ที่ได้จดทะเบียนในระบบ "THAI SME" ภายใต้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่มีเป้าหมายในการนำ SMEs ไทยทั้งหมดจำนวนกว่า 3 ล้านรายเข้าสู่ระบบให้มีสิทธิพิเศษ ดังนี้
    1. จัดหาแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำด้วย Soft Loan พิเศษ "Digital Supply Chain Financing" ภายใต้โครงการ ITMX เพื่อให้ SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุนด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
    2. สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจ้างงานของ SMEs ด้วยโครงการคนละครึ่ง (Co-Payment) ที่รัฐบาลช่วยออกเงินค่าจ้างเด็กจบใหม่ 50% เป็นระยะเวลา 1 ปี ให้กับผู้ประกอบการ ซึ่งถือเป็นการช่วยเหลือ SMEs ให้สามารถดำเนินธุรกิจไปได้ และยังช่วยเสริมสภาพคล่องของการจ้างงานในระบบ
    3. ให้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า แต่ไม่เกินวงเงิน 30,000 บาท สำหรับผู้ซื้อสินค้าจาก SMEs ในระบบเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ และเพิ่มรายได้ให้กับ SMEs ไทย
  2. ส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นเมืองปลอดภาษี สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติคุณภาพสูง เพื่อเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวแห่งเอเชีย และมีความสามารถในการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้ โดยเปลี่ยนโครงสร้างในการจัดเก็บภาษีนำเข้า เช่น ไม่มี Import Tax สำหรับสินค้านำเข้าเมื่อมีการซื้อสินค้าของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งรัฐบาลอาจพิจารณาทดลอง 'Sandbox ปลอดภาษี' ที่จังหวัดภูเก็ตก่อนเป็นที่แรก เพราะภูเก็ต ถือเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของประเทศ และในเฟสต่อไปจะขยายผลไปสู่จังหวัดอื่นๆ จนครบทั้งประเทศ
  3. อัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจโดยโครงการของภาครัฐ
    1. นำโครงการช้อปดีมีคืนกลับมา เพื่อเป็นการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ (Local Consumption) จากประชาชนกลุ่มที่มีรายได้สูง โดยเพิ่มวงเงินเป็น 100,000 บาท พร้อมเพิ่มระยะเวลาการใช้จ่ายเป็น 2 เดือน ถือเป็นโครงการที่สามารถอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่เศรษฐกิจไทยได้อย่างรวดเร็ว ตรงเป้า มีประสิทธิภาพสูงสุด และใช้งบประมาณน้อยที่สุด
    2. ดำเนินโครงการคนละครึ่ง และไทยเที่ยวไทยไว้อย่างต่อเนื่องยาวถึงสิ้นปี ถือเป็นโครงการของภาครัฐ ที่ได้รับผลตอบรับดี ส่งผลให้เกิดการกระตุ้นกำลังซื้อของประชาชนในการ กิน เที่ยว ใช้ สินค้าและบริการของคนไทย และถือเป็นโครงการที่ทำให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ

"เศรษฐกิจไทยกำลังถูกกระทบจากความเสี่ยงรอบด้าน และไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเรากำลังเผชิญพายุเศรษฐกิจ 5 สูงนี้อยู่ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน จำเป็นต้องเตรียมพร้อมและตั้งรับกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น เพื่อรับมือกับพายุเศรษฐกิจนี้ให้ได้ นอกจากนี้ สมาคมฯ ขอฝากถึงผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนใหม่ให้เร่งดำเนินการตามนโยบาย 9 ดี : กรุงเทพฯ เมืองน่าอยู่สำหรับทุกคนของท่าน เพื่อยกระดับกรุงเทพมหานครซึ่งเป็นเมืองหลวงและเป็นหัวใจหลักของประเทศให้เป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจและกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ทำให้การท่องเที่ยวไทยกลับมาแข็งแรง และประเทศไทยกลับมาเดินหน้าได้อย่างเต็มกำลังอีกครั้ง" นายญนน์ กล่าวทิ้งท้าย

ที่มา: สมาคมผู้ค้าปลีกไทย

สมาคมผู้ค้าปลีกไทย ชูภาคการค้าปลีกและบริการ เป็นกลไกขับเคลื่อนประเทศ ชง 3 มาตรการสำคัญ ดันเศรษฐกิจไทยให้ติดปีก

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ