ทั้งนี้ เงินลงทุนจำนวนกว่า 1,000 ล้านบาทภายใต้กองทุน Finnoverse นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการพัฒนาเทคโนโลยี Blockchain ของเครือกรุงศรี กรุ๊ปให้ล้ำสมัย โดยจะใช้ในการเสริมสร้าง Community ของเหล่า Blockchain Developers สร้างพันธมิตรและลงทุนในสตาร์ทอัพด้านฟินเทคและ Blockchain อีกทั้งเสริมศักยภาพด้าน DeFi ในกรุงศรีให้แข็งแกร่งผ่านโครงการบ่มเพาะศักยภาพต่างๆ โดยมีระยะเวลาการลงทุนทั้งหมด 3 ปี ตั้งแต่ปี 2565-2568
นายแซม ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด กล่าวว่า "ในปัจจุบัน กระแสสินทรัพย์ดิจิทัลรวมถึงเทคโนโลยีทางการเงินดิจิทัลที่เกี่ยวข้องนั้นมีการเติบโตแบบก้าวกระโดดและนับเป็น Disruption ครั้งสำคัญในโลกการเงิน ประเทศไทยเองก็เป็นประเทศที่มีความสนใจในสกุลเงินดิจิทัลเป็นระดับต้นๆ ของโลก ไม่ว่าจะเป็น Decentralized Finance ที่สถาบันการเงินไทยกำลังให้ความสนใจในการพัฒนา หรือ Blockchain และเงินดิจิทัลที่กำลังแสดงให้เห็นว่าสามารถใช้งานได้จริง ดังที่เราได้เห็นเทรนด์ใหม่ๆ ที่มาแรงในด้าน GameFi, Non-Fungible Token หรือ NFT, Metaverse หรือ Web 3.0 ทั้งในหมู่ลูกค้ารายย่อยและลูกค้าธุรกิจ เวลานี้จึงนับเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการลงทุนเนื่องจากผู้คนมีความคุ้นเคยกับนวัตกรรมทางการเงินเหล่านี้มากขึ้น และเริ่มเห็นศักยภาพการเติบโตในระยะยาว การเพิ่มเงินลงทุนใหม่สำหรับ Blockchain และ Decentralized Technology ภายใต้กองทุน Finnoverse มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท จะช่วยให้กรุงศรีมีศักยภาพที่เพียงพอในการเตรียมความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี Decentralized Finance ให้พร้อมรับมือกับกระแส Disruption ในอนาคต และยังเป็นไปตามแผนธุรกิจของกรุงศรีปี 2565 ที่มุ่งสร้างประสบการณ์ Beyond Tech แก่ลูกค้า พร้อมทั้งสร้างช่องทางรายได้ใหม่ๆ แก่ธุรกิจ โดยภายใต้กองทุน Finnoverse กรุงศรี ฟินโนเวต มีแผนที่จะเตรียมความพร้อมด้านการเงินดิจิทัลด้วยการเข้าลงทุนในกลุ่ม Fund of Funds เพื่อเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเข้าลงทุนในด้าน DeFi, Use Case ต่างๆ เช่น NFT, Metaverse, กลุ่ม Blockchain และกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องเช่น Custodian"
ที่มา: ธนาคารกรุงศรีอยุธยา