นายกิติศักดิ์ จำปาทิพย์พงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีเอ็มโอ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้ทำการจัด Roadshow แผนธุรกิจของ CMO ต่อนักลงทุนซึ่งเป็นสถาบันการเงินและกองทุนในช่วงสัปดาห์ทีผ่านมา ซึ่งถือว่าได้รับผลตอบรับดีเกินคาด มีผู้สนใจเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทฯ เป็นจำนวนมาก ซึ่งปัจจัยสำคัญน่าจะมาจากการที่ธุรกิจอีเวนท์ เริ่มกลับมาอย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั่งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 8/2565 ซึ่งมีการประชุมเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2565
โดยคณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ แบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) จำนวน 25,500,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ในราคาเสนอขายหุ้นละ 6.00 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 153,000,000 บาท ให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) จำนวน 1 ราย ได้แก่ กองทุนส่วนบุคคล โดย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด ("กองทุนส่วนบุคคล KTX") ซึ่งเป็นบริษัทในเครือธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน)
สำหรับการเพิ่มทุนในครั้งนี้จะช่วยให้บริษัทฯมีโครงสร้างเงินทุนที่แข็งแกร่ง มีสภาพคล่องและมีเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้น เพื่อนำไปใช้สำหรับการลงทุนในธุรกิจที่ช่วยเสริมศักยภาพของ CMO เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดแบบยั่งยืน โดยมีแผนที่จะขยายงานทั้งในส่วนของ Event, ธุรกิจ Entertainment และเทคโนโลยี เพื่อให้สอดคล้องกับการทำงานภายใต้แนวคิด "Experience-Tech Creator"
"เราได้รับความสนใจอย่างมากจากหลายสถาบันการเงิน และกองทุนต่าง ๆ เนื่องจากต้องถือว่าบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ที่ทำธุรกิจแบบนี้มีเราเพียงบริษัทเดียวเท่านั้น ที่ทำครบวงจร ตั้งแต่ อีเว้นท์, เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ระบบอุปกรณ์ แสง สี เสียงภาพ และ Production ซึ่งการเพิ่มทุนในครั้งนี้เราจะนำไปพัฒนาธุรกิจในด่านต่าง ๆ ให้มีความแข็งแกร่ง และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนต่อยอดธุรกิจต่อไป" นายกิติศักดิ์ กล่าว
นายกิติศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันตลาดของ อีเว้นท์ และ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ กลับมาคึกคักเป็นอย่างมาก ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีงานเข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งคาดว่าน่าจะทำให้ผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 เป็นต้นไปกลับเข้ามเป็นบวกได้อย่างแน่นอน และตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 เป็นต้นไป ก็จะได้เห็นผลงานในด้านต่าง ๆ ของบริษัทซึ่งเป็นงานที่บริษัทฯ จัดขึ้นมาเองเพิ่มมากกขึ้น อาทิ งาน Conference ระดับอินเตอร์อย่างงาน Hook ที่จะจัดในเดือนมิถุนายนนี้ งาน Finz ซึ่งเป็นงาน Financial สำหรับกลุ่ม Gen Z โดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังมีคอนเสิร์ต K POP อีกไม่ต่ำกว่า 5-7 งาน รวมถึงงานคอนเสริต์อื่น ๆ อย่างฝั่งของศิลปินไทย และสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นศิลปินระดับโลก อีกด้วยเช่นกัน
จะเห็นได้ว่าธุรกิจใหม่ ๆ ที่เราเพิ่มเติมขึ้นมาจะมีความสอดคล้องกับธุรกิจเดิมที่ CMO ทำอยู่ อาทิ การที่เราจัดงาน อีเว้นท์ และ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ เพิ่มขึ้น จะช่วยส่งเสริมธุรกิจทางด้านอุปกรณ์ให้เช่าอย่างชัดเจน ขณะเดียวกันทางด้านเทคโนโลยี เราจะมีการพัฒนาแพลตฟอร์ม ทางด้านเอ็นเตอร์เทนเม้นท์โดยเฉพาะ เน้นทางด้านของ Fan Base ซึ่งในอนาคตจะสามารถสร้างเป็น Community Entertainment แบบครบวงจร และยังสามารถเพิ่มช่องทางรายได้ให้กับ CMO ได้อีกช่องทางหนึ่งด้วย โดยแผนงานทั้งหมดก็เพื่อที่จะดัน CMO ให้สามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในธุรกิจนี้แบบครบวงจรในอนาคตต่อไป
ที่มา: ซีเอ็มโอ