ดร.สมหมาย เตชะศิรินุกุล รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ด้านวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ในฐานะประธานความมุ่งมั่นด้านอาหารที่ยั่งยืน ซีพีเอฟ กล่าวว่า ในวันความปลอดภัยอาหารโลกในปี 2022 องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้รณรงค์ผู้เกี่ยวข้องตระหนักถึง อาหารที่ปลอดภัยและมีคุณค่าทางโภชนาการมีบทบาทสำคัญต่อการมีสุขภาพที่ดี ภายใต้แนวคิด "ยกระดับความปลอดภัยของอาหาร เพื่อสุขภาพที่ดีกว่า" (Safer food, Better health) ซีพีเอฟ ในฐานะผู้นำด้านเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจร โดยศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารซีพีเอฟ หรือ CPF RD Center ทุ่มเทสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์อาหารที่สร้างเสริมสุขภาวะดีให้กับผู้บริโภค ยกระดับความปลอดภัยสูงสุด ตรวจสอบย้อนกลับได้ ขับเคลื่อนการสร้างความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน ภายใต้เป้าหมายกลยุทธ์ CPF 2020 Sustainability in Action บริษัทฯ ได้กำหนดเป้าหมาย 50% ของผลิตภัณฑ์ใหม่ได้รับการพัฒนาเพื่อสุขภาพที่ดีและมีคุณค่าทางโภชนาการมากขึ้น ตอบรับความต้องการอาหารเพื่อสุขภาพที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สนับสนุนระบบการผลิตอาหารอย่างยั่งยืน
"ซีพีเอฟ นำเทคโนโลยี นวัตกรรมและวิทยาศาสตร์มาพัฒนาอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการต่อผู้บริโภคทุกช่วงวัย ซี่งจะทำให้สามารถผลิตอาหารในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคในราคาที่เข้าถึงได้ สร้างความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน ตามวิสัยทัศน์ของซีพีเอฟสู่การเป็น 'ครัวของโลก'" ดร.สมหมาย กล่าว
ในปีที่ผ่านมา ซีพีเอฟมีผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ได้รับการพัฒนาให้มุ่งเน้นโภชนาการ สุขภาพ และสุขภาวะที่ดี เป็นสัดส่วนร้อยละ 40 เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ใหม่ที่พัฒนาขึ้นตลอดทั้งปี และร่วมส่งเสริมให้ผู้บริโภคเข้าถึงผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพแล้วกว่า 9 ล้านคน ด้วยผลิตภัณฑ์เนื้อจากพืช แบรนด์ Meat Zero ที่มีเนื้อสัมผัส และรสชาติ อร่อยเหมือนเนื้อจริงด้วยนวัตกรรม PLANT-TEC ไม่มีคอเลสเตอรอล นอกจากนี้ มีการพัฒนาสินค้าสดกลุ่ม หมู ไก่ และไข่ ที่นำนวัตกรรมโปรไบโอติกมาใช้ในอาหารสัตว์เพื่อยกระดับความปลอดภัยให้สินค้า เสริมภูมิคุ้มกันให้สัตว์แข็งแรงตามธรรมชาติ ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ ปลอดสาร และฮอร์โมนเพื่อเร่งการเจริญเติบโต รวมถึงการพัฒนาเนื้อสัตว์เพื่อสุขภาพที่ดี อาทิ ไก่เบญจา หมูชีวามีโอเมก้า 3 สูงกว่าเนื้อไก่และเนื้อหมูทั่วไป ตลอดจนร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และสตาร์ทอัพทั่วโลก เดินหน้าสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพใหม่ๆ ต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน บริษัทยังยกระดับคุณภาพและความปลอดภัยอาหาร รวมทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตด้วยการใช้ระบบควบคุมอัตโนมัติ ระบบดิจิทัล และปัญญาประดิษฐ์ เทคโนโลยีหุ่นยนต์ บล็อกเชน ตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่การผลิตอาหารสัตว์ (Smart Feed Mill) ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ (Smart Farm) เน้นการดูแลสุขภาพสัตว์ตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ สัตว์แข็งแรงมีภูมิคุ้มกัน นำไปสู่วัตถุคุณภาพสูงด้วยกระบวนการแปรรูปอาหารที่ (Smart Factory) ที่เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสูงสุด รวมถึงจัดให้มีช่องทางจำหน่ายที่สะอาด ปลอดภัย
ซีพีเอฟยังได้นำระบบตรวจสอบย้อนกลับสินค้าแบบดิจิทัลมาใช้ในห่วงโซ่การผลิตครอบคลุมทุกผลิตภัณฑ์อาหารเนื้อไก่ เนื้อหมู และกุ้ง โดยอยู่ระหว่างการดำเนินงานกับผลิตภัณฑ์ไข่แปรรูป และเดินหน้านำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาช่วยยกระดับการตรวจสอบย้อนกลับเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในมาตรฐานและความปลอดภัยของสินค้าให้ลูกค้าและผู้บริโภค
ที่มา: ซีพีเอฟ