บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) หรือ "Pi" แนะนำซื้อ หุ้นบมจ. ปัญจวัฒนาพลาสติก โดยให้ราคาเป้าหมาย 4.70 บาท จากมุมมองเชิงบวกต่อโอกาสเติบโตจากธุรกิจใหม่ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ ที่จะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทใน 3-5 ปีข้างหน้า และเป็น Upside ต่อประมาณการและมูลพื้นฐานในอนาคต ซึ่งสะท้อนถึงมุมมองเชิงบวกต่อกำไรจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์ และชิ้นส่วนยานยนต์ ที่ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องใน 3 ปีข้างหน้า กอรปกับธุรกิจใหม่ที่จะหนุนการเติบโตในระยะยาว
โดยมีมุมมองบวกต่อกรณีการร่วมลงนาม MOU ระหว่าง PJW กับ IRPC และ INNOBIC เพื่อร่วมศึกษาโอกาสการลงทุนในธุรกิจผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ โดยคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมา 1 ผลิตภัณฑ์ โดยทาง PJW จะเป็นผู้ผลิต ขณะที่ IRPC เป็นผู้จัดหาวัตถุดิบและออกแบบผลิตภัณฑ์ และ INNOIC เป็นผู้ทำการตลาด โดยเรามองว่าเป็นปัจจัยเร่งการเติบโตของธุรกิจใหม่ในปี 2023 เนื่องจาก ตลาดผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ประเภทวัสดุสิ้นเปลืองมีศักยภาพสูง และมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่าธุรกิจปัจจุบันราว 3-5 % โดยผู้บริหารตั้งเป้ายอดขายจากธุรกิจนี้ที่ราว 1.5 พันล้านบาทต่อปี ภายใน 5 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ ทาง PJW ได้คาดว่าภายในปี 2023 จะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมา 2 ผลิตภัณฑ์คือ Oxygen Humidifier Bottle (กระบอกทำความชื้นออกซิเจน) และ Hemo-Flow Dialyzer (ไส้กรองล้างไต) ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนา โดยเรามองว่าผลิตภัณฑ์กระบอกทำความชื้น ออกซิเจน จะช่วยหนุนรายได้บริษัทให้เติบโตในปีหน้า โดยคาดว่ารายได้จากผลิตภัณฑ์นี้จะเข้ามาในปี 2023 ราว 400 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 10% ของประมาณการรายได้เดิมของปี 2023 ขณะที่ผลิตภัณฑ์ ไส้กรองล้างไตยังมีความท้าทาย เนื่องจากต้องการคุณภาพในการผลิตที่สูง เนื่องจากอยู่ในช่วงของกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทดสอบ และ ทำการตลาด
ด้านนายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ปัญจวัฒนาพลาสติก จำกัด (มหาชน) หรือ "PJW" กล่าวตอกย้ำถึงความร่วมมือ ระหว่าง บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) "IRPC" บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด "INNOBIC"ว่า ด้วยนโยบายพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ (Medical Hub) ในอนาคต จะเป็นส่วนผลักดันให้ความต้องการผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์จากพลาสติกในกลุ่มวัสดุสิ้นเปลืองเพิ่มมากขึ้น โดยความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการนำจุดแข็งและความเชี่ยวชาญของทุกบริษัทมาต่อยอดธุรกิจ โดย "IRPC" มีศักยภาพความแข็งแกร่งในฐานะผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี และเม็ดพลาสติกชั้นนำในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะที่ "INNOBIC" มุ่งเน้นดำเนินการลงทุนในธุรกิจยา ธุรกิจวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ และธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพ ดังนั้นมองว่าการร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยต่อยอดและพัฒนาอุปกรณ์ทางการแพทย์ สู่ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์จากพลาสติกในกลุ่มวัสดุสิ้นเปลือง ที่มีประสิทธิภาพและมาตรฐานสูงสุด
ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์จากพลาสติกในกลุ่มวัสดุสิ้นเปลืองที่ได้จากการวิจัยและพัฒนาร่วมกัน กับพันธมิตรทั้ง 3 บริษัท คาดว่าสินค้าบางตัวจะแล้วเสร็จภายในช่วงปลายปี 2565 นี้ โดยจะเริ่มจากการสั่งผลิต (OEM) สินค้าเพื่อนำมาจำหน่ายก่อน และหลังจากนั้นจะมีการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน (JV) เพื่อก่อสร้างโรงงานและลงทุนเครื่องจักร ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในครึ่งหลังของปี 2566
ที่มา: มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์