ห้องอาหารโอโฮ ตั้งอยู่บนชั้น 76 ของ The Standard, Bangkok Mahanakhon พร้อมนำพาทุกท่านไปดื่มด่ำและลิ้มรสอาหารเม็กซิกันระดับพรีเมียมในบรรยากาศหรูหราและชวนดึงดูด โดยชื่อของห้องอาหาร "โอโฮ" หมายถึง "ดวงตา" ในภาษาสเปน ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจในการตกแต่งให้ดูมีเสน่ห์น่าค้นหา รายล้อมด้วยวิวกรุงเทพฯ สุดลูกหูลูกตา อีกทั้งเมนูอาหารทั้งหมดยังถูกรังสรรค์โดยเชฟ ปาโก ที่พร้อมเสิร์ฟความอร่อยสไตล์เม็กซิกันแท้ๆ ผสานความดั้งเดิมและเทคนิคการปรุงแต่งสมัยใหม่เข้าด้วยกันจนออกมาเป็นอาหารเม็กซิกันแบบยกระดับที่ควรค่าแก่การลิ้มลอง เรียกได้ว่าเย้ายวลในทุกๆ องค์ประกอบ ตั้งแต่การตกแต่งร้าน จวบจนหน้าตาของอาหารที่ออกมาดูดีจนไม่สามารถละสายตาได้
จุดเริ่มต้นของการนำเสนออาหารเม็กซิกันสู่ชาวไทยเป็นไอเดียมาจากคุณอมาร์ ลัลวานี่ ประธานกรรมการบริหาร ของ The Standard International ซึ่งคุณอมาร์มองเห็นว่าในทวีปเอเชียอาหารเม็กซิกันสำหรับหลายๆ ท่านมักจะมีภาพจำหรือเข้าใจผิดเกี่ยวกับอาหารชาตินี้ เขาจึงอยากนำเสนออาหารเม็กซิกันที่แท้จริงอย่างถูกต้องทั้งในเรื่องของรสชาติ วัตถุดิบที่เลือกสรร และความสวยงามของอาหาร นอกจากนี้คุณอมาร์เองยังได้คัดเลือกเชฟปาโก ให้มาร่วมงานคิดค้นเมนูอาหารที่โอโฮอีกด้วย โดยเชื่อว่าเชฟปาโก จะทำให้ไม่เพียงแต่ชาวไทย แต่เป็นทุกๆ ท่านที่ได้ลิ้มลองจะได้เรียนรู้และเข้าใจถึงแก่นแท้ของอาหารเม็กซิกันอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ชื่อ โอโฮ ยังหมายถึงสัญลักษณ์ดวงตาของพระเจ้า หรือ Ojo de Dios (Eye of the God) ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์เมื่อนานมาแล้วที่ผู้คนนับถือบูชาและให้ความสำคัญทั้งในทางศาสนาและวัฒนธรรม รวมไปถึงมีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศเม็กซิโกที่มีความเชื่อมโยงทั้งในเรื่องของประเพณี ความเชื่อของผู้คน ความศรัทธา และเป็นเครื่องหมายของพลังในการปกป้องจากพระเจ้าอีกด้วย
ห้องอาหารถูกออกแบบและตกแต่งโดยสตูดิโอออกแบบอันมีชื่อเสียงระดับโลกอย่าง Ou Baholyodhin Studio (OBS) หรือที่รู้จักกันในนาม อู้ พหลโยธิน ผู้อยู่เบื้องหลังสไตล์และเทรนด์ของงานดีไซน์ที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงในระดับนานาชาติ โอโฮมีคอนเซ็ปต์ที่ถูกพัฒนาต่อยอดมาจากการเดินทางของคุณอู้นึกย้อนไปถึงสมัยได้ไปสัมผัสมนต์เสน่ห์ของภูมิภาคอเมริกากลางที่รายล้อมไปด้วยวัฒนธรรมของชนพื้นเมือง ผสานความเป็นยุโรเปี้ยน แอฟริกัน และเอเชียน เข้าด้วยกันจนสร้างสรรค์ออกมาเป็นความแปลกใหม่ที่ลงตัว ห้องอาหารถูกเนรมิตรออกมาสะท้อนความหรูหราในสไตล์ร่วมสมัย โดยมีการเลือกใช้โทนสีทองเพื่อสร้างความโอ่อ่าได้รับแรงบันดาลใจมาจากโลหะ และหินอัญมณี ที่ความหรูหราของอีกซีกโลกเข้ามาผสมผสานอยู่ในงานดีไซน์นี้ นอกจากนี้นักออกแบบยังเลือกใช้วัสดุสิ่งทอเข้ามาสอดประสานเพื่อสะท้อนถึงวัฒนธรรมของอเมริกันลาติน โอโฮจึงเป็นห้องอาหารที่มีความประณีต หรูหรางดงาม ประดุจขุมเพชรที่เหมาะกับการมาเปิดประสบการณ์ในการมาเพลิดเพลินรับประทานอาหารรสเลิศร่วมกัน
ในส่วนของอาหารนั้น มั่นใจได้ว่าห้องอาหารโอโฮพร้อมมอบสุดยอดประสบการณ์ในการดื่มด่ำและอิ่มเอมอาหารเม็กซิกันให้กับแขกผู้มาเยือนอย่างที่ไม่เคยได้ลองที่ไหนมาก่อนในประเทศไทย หรือในภูมิภาคนี้แน่นอน ซึ่งเชฟปาโกนั้นได้เคยร่วมทำงานกับหลายห้องอาหารที่กวาดรางวัลมานับไม่ถ้วน ก่อนที่เชฟปาโกจะตัดสินใจเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเองที่มีชื่อว่า Alcalde ในปี 2013 ที่ได้รับรางวัลมากมายรวมไปถึง รางวัล Latin America's 50 Best Restaurants ซึ่งร้านเขานั้นทำให้บ้านเกิดที่เมือง Guadalajara เป็นจุดกำเนิดของวงการอาหารสไตล์โมเดิร์นขึ้นมาทันที
นอกเหนือจากเชฟปาโกที่มารังสรรค์เมนู ห้องอาหารโอโฮก็ได้ เชฟ เดอ คูซีน Alonso Luna Zarate (อลอนโซ ลูนา ซาเรท) มาคอยดำเนินการต่อยอดความคิดสร้างสรรค์และเมนูที่คิดค้นโดยเชฟปาโก ผ่านการจัดหาคัดเลือกวัตถุดิบที่ดีที่สุดไม่ว่าจะเป็นการทำงานใกล้ชิดกับชาวเกษตรกร ชาวประมง หรือซัพพลายเออร์ในประเทศไทย รวมถึงการดูแลทีมที่ห้องอาหารโอโฮเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ที่ได้มาสัมผัสการลิ้มรสมื้ออร่อยนี้ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด
ด้านอาหารเชฟปาโกใส่ใจพิถีพิถันทุกขั้นตอนตั้งแต่การคิดเมนู ตลอดจนการเลือกใช้วัตถุดิบที่ดีที่สุดออกมาเป็นอาหารเม็กซิกันสุดพรีเมียม เมนูแนะนำเริ่มจากอาหารทานเล่นอย่าง Ojo guacamole with corn tostadas แผ่นตอร์ตียาโฮมเมดบางกรอบทานคู่กัวคาโมเลฉบับโอโฮ Aguachile with fresh tiger prawns อากวาชิเลหรือน้ำพริกแบบเม็กซิกันแท้ๆ ใช้กุ้งลายเสือทอปด้วยแตงกวาฝาน และพริกเขียว coconut ceviche มะพร้าวอ่อนที่นำมาปรุงสไตล์เซวิชเช่ เสิร์ฟคู่ถั่วเหลืองหมัก นมมะพร้าว และพริกเหลือง ต่อที่เมนูหลักเป็น chicken and green mole ไก่เสิร์ฟพร้อมซอส Mole สูตรลับฉบับเม็กซิกัน fish Zarandeado ปลาย่างเตาไม้พิเศษทานกับเลมอนที่นำไปกริลล์มาช่วยชูรสให้เข้ากัน และ slow-cooked short rib birria ซี่โครงย่างรสชาติกลมกล่อมที่เชฟนำไปสโลว์คุกจนเนื้อนุ่มละลาย ไม่เพียงเท่านี้เมนูของหวานอย่าง เค้กสามนม (tres leches sponge cake) เค้กดั้งเดิมสไตล์เม็กซิกัน เนื้อนุ่มหนึบหนับ และ dark chocolate Tamal ดาร์กช็อกโกแลตทามาล จะช่วยเติมเต็มมื้อแสนพิเศษได้อย่างดีเยี่ยม
ด้วยเชฟปาโกที่มอบความใส่ใจในทุกรายละเอียดในการสร้างสรรค์เมนูอาหารเม็กซิกัน หลากหลายโปรแกรมเครื่องดื่ม บวกกับการตกแต่งห้องอาหารอันยอดเยี่ยมจากคุณอู้ ตลอดจนสถาปัตยกรรมและวิวเมืองอันตระการตาของ คิง เพาเวอร์ มหานคร จึงมั่นใจได้ว่า ห้องอาหารโอโฮให้ความสำคัญกับทุกองค์ประกอบอย่างแท้จริง และถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ควรค่าแก่การมาเยือนเทียบเคียง Boom Boom Room อันโด่งดังที่ The Standard, High Line มหานครนิวยอร์ก และอีกหนึ่งสุดยอดฮอตสปอตที่ถูกให้เป็นหนึ่งในรูฟท็อปที่ดีที่สุดในโลกอย่าง Decimo ที่กรุงลอนดอน
ห้องอาหารโอโฮตั้งอยู่บนชั้น 76 ของ The Standard, Bangkok Mahanakhon เปิดให้บริการทุกวัน มื้อกลางวันตั้งแต่เวลา 11:30 น. - 14:30 น. และมื้อเย็นเวลา 17:30 น. ถึงเที่ยงคืน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Ojo สามารถเยี่ยมชมได้ที่ www.standardhotels.com/bangkok/properties/bangkok
ที่มา: เดอะ สแตนดาร์ด แบงค็อก มหานคร