โรงงานผลิตสินค้าคอนซูมเมอร์จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน กรุงเทพฯ ได้นำเทคโนโลยี 4IR มาใช้ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต พร้อมกับการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ด้วยการปรับใช้นวัตกรรมใหม่ ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยีบริหารระบบซัพพลายเชน เทคโนโลยีการจำลองพลศาสตร์ของไหลเสมือนจริง การใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงด้านโลจิสติกส์
ตัวอย่างการนำเทคโนโลยี 4IR มาใช้ที่ โรงงานผลิตสินค้าคอนซูมเมอร์จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน กรุงเทพฯ อาทิ การติดตั้งระบบตรวจสอบอัจฉริยะเสริมด้วยเทคโนโลยี AI สำหรับสายการผลิตน้ำยาบ้วนปากลิสเตอรีน เพื่อจำแนกความแตกต่างระหว่างขวดที่มีสภาพสมบูรณ์กับขวดที่ไม่ผ่านมาตรฐานด้วยระบบอัตโนมัติ ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถส่งสินค้าจากไลน์การผลิตได้โดยตรง ช่วยร่นระยะเวลาตั้งแต่การผลิตจนถึงการส่งมอบให้ลูกค้าได้ถึง 67% ทำให้ส่งสินค้าถึงผู้บริโภคทั่วเอเชียแปซิฟิกได้รวดเร็วขึ้น และจากการนำเทคโนโลยี 4IR มาใช้ โรงงานสามารถเพิ่มการผลิตและส่งออกสินค้าได้มากขึ้นถึง 47% ลดปริมาณสินค้าคงคลังลง 25% ลดระยะเวลาในห่วงโซ่อุปทานจากต้นจนจบ 43% เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้ถึง 42% และในขณะเดียวกันก็สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ถึง 20%
"นับเป็นความสำเร็จที่น่าจดจำ และดิฉันรู้สึกภูมิใจอย่างยิ่งที่โรงงานผลิตสินค้าคอนซูมเมอร์จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน กรุงเทพฯ ได้รับคัดเลือกในฐานะหนึ่งในสมาชิกเครือข่าย Lighthouse โดยเวที World Economic Forum จากการที่เราได้นำเทคโนโลยีเพื่อการผลิตที่มีความล้ำหน้ามาเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดในการขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจ การผสานเทคโนโลยีเพื่อช่วยการทำงานของพนักงาน ไปพร้อมกับการดูแลสิ่งแวดล้อม และดิฉันขอแสดงความยินดีกับทีมงานที่น่าทึ่งของประเทศไทย และทุกคนๆ ที่มีส่วนร่วมในการก้าวสู่ความสำเร็จในครั้งนี้" คุณอาภาภรณ์ สมะพันธุ Managing Director, Thailand & New Territories of Johnson & Johnson กล่าว
จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ได้นำเทคโนโลยี 4IR มาปรับใช้ในระยะยาวเพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพของระบบปฏิบัติการ สร้างสภาพแวดล้อมการทำงานแบบดิจิทัล และสานต่อเจตนารมณ์ของบริษัทที่ยึดมั่นต่อความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม
โรงงานผลิตสินค้าคอนซูมเมอร์จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน กรุงเทพฯ ไม่เพียงได้รับคัดเลือกจาก World Economic Forum แต่ยังได้รับรางวัล Global Best Plant Award ปี 2021 ในฐานะผู้นำที่นำเทคโนโลยี 4IR มาปรับใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
นอกจากนี้ The World Economic Forum (WEF) ยังได้ประกาศต้อนรับโรงงานผลิตอีก 2 แห่ง ของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ในฐานะสมาชิกของ Global Lighthouse Network อันได้แก่ Janssen Sciences ประเทศไอร์แลนด์ จากการสนับสนุนการริเริ่มพัฒนาด้านความยั่งยืนระดับภูมิภาค และ Johnson & Johnson Janssen ที่เมืองลาตินา จากการนำเทคโนโลยี 4IR มาปรับใช้ในการเร่งการผลิตให้เร็วขึ้น สร้างเสริมประสิทธิภาพด้านการแข่งขัน และเปิดตัวสินค้าใหม่ได้อย่างรวดเร็ว การประกาศรับรองโดย World Economic Forum ในครั้งนี้ ทำให้จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน มีสมาชิกในกลุ่ม Lighthouse Network กว่า 10 แห่ง จากทั่วโลก ซึ่งเป็นจำนวนที่มากที่สุดในบรรดาธุรกิจทั้งหมด
เกี่ยวกับจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน
จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เชื่อว่าสุขภาพที่ดีเป็นหัวใจสำคัญของการมีชีวิตที่สดใส สังคมเจริญรุ่งเรืองและมีการพัฒนาก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว นี่คือเหตุผล ตลอดเวลากว่า 130 ปีที่ผ่านมา จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันมุ่งมั่นในการสร้างสุขภาพที่ดีของผู้คนไม่ว่าจะอายุเท่าใดหรืออยู่ในช่วงอายุใด ในฐานะบริษัทเฮลธ์แคร์ที่ใหญ่ที่สุดและมีธุรกิจกระจายอยู่มากที่สุดทั่วโลก จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน จะนำจุดเด่นในด้านการมีเครือข่ายและองค์กรขนาดใหญ่เพื่อเจตนารมณ์อันดี ในการพัฒนาการเข้าถึงและการสร้างชุมชนที่มีสุขภาพที่ดีขึ้น ด้วยการมีสุขภาพที่ดี ทั้งด้านจิตใจ ร่างกาย และสิ่งแวดล้อมที่ดีสำหรับทุกคนและทุกแห่งหน จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน หลอมรวมจิตใจรวมเข้ากับวิทยาศาสตร์ และความชาญฉลาดเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ เพื่อมอบวิถีการมีสุขภาพที่ดีแก่มนุษยชาติ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.jnj.com หรือติดตามผ่านช่องทางทวิตเตอร์ที่ @JNJNews
ที่มา: สปาร์ค คอมมิวนิเคชั่นส์