นายอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านสนับสนุนองค์กร เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายงานข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) เพื่อออกและเสนอขายหุ้นกู้อายุ 3 ปี ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ต่อผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ หรือที่เรียกว่า PP-II&HNW อัตราดอกเบี้ยที่แน่นอนและการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้จะประกาศให้ทราบอีกครั้งภายในเดือนมิถุนายน โดยในครั้งนี้บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและใช้ในการประกอบธุรกิจและขยายกิจการของบริษัทฯ ต่อไป
นายอรรถพล กล่าวเพิ่มเติมว่า "การออกหุ้นกู้ของ SC ครั้งนี้จะมุ่งเน้นไปที่ผู้ลงทุนรายใหญ่ที่เป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลเป็นหลัก เนื่องจากการออกหุ้นกู้หลายครั้งที่ผ่านมาบริษัทฯ ออกหุ้นกู้จำหน่ายให้กับผู้ลงทุนสถาบันเป็นส่วนใหญ่ ทำให้มีนักลงทุนรายใหญ่ที่เป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลหลายรายพลาดโอกาสในการลงทุนไป ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะให้ผู้ลงทุนรายใหญ่ได้เข้ามามีส่วนร่วมกับการเติบโตของบริษัทฯ ซึ่งบริษัทฯ มั่นใจว่าหุ้นกู้ของ SC ในครั้งนี้จะได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดี ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาธุรกิจของ SC มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้อยู่ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยในปี 2564 บริษัทฯ สามารถทำสถิติสูงสุดทั้งในส่วนของรายได้ ยอดขาย และกำไรสุทธิ โดยมีรายได้กว่า 19,553 ล้านบาท มียอด ขาย กว่า 21,804 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิกว่า 2,062 ล้านบาท นอกจากนี้ความแข็งแกร่งของบริษัทฯ ยังสะท้อนผ่านอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ "BBB+" จาก ทริสเรทติ้ง แสดงให้เห็นถึงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ ในตลาดที่อยู่อาศัยระดับกลางถึงระดับบน ที่มีระดับราคามากกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป
ในส่วนของแผนธุรกิจในปี 2565 นั้น บริษัทฯ ตั้งเป้ายอด ขาย และ เป้ารายได้ที่ 22,000 ล้านบาท โดยมีแผนเปิดโครงการใหม่จำนวนสูงเป็นสถิติใหม่ถึง 27 โครงการ มูลค่าประมาณ 41,200 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 25 โครงการ มูลค่าประมาณ 34,700ล้านบาท ซึ่งมากกว่า 70% เป็นบ้านเดี่ยวราคาสูงกว่า 10 ล้านบาท ซึ่ง SC เป็นผู้นำในตลาดนี้อยู่แล้ว และโครงการคอนโดมิเนียม 2 โครงการ มูลค่า 6,500 ล้านบาท บนทำเลรถไฟฟ้า BTS 2 สถานี คือ วงเวียนใหญ่ และ ทองหล่อ ซึ่งทั้งหมดมีที่ดินรองรับหมดแล้ว โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าเป็น "บ้านเดี่ยวอันดับ 1 ในใจของทุกคน"
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มียอด ขายจำนวน 5,285 ล้านบาท มีรายได้จากการขาย 3,609 ล้านบาท มีรายได้รวม 3,854 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 388 ล้านบาท โดยมีการเปิดโครงการใหม่จำนวน 2 โครงการ มูลค่าประมาณ 1,515 ล้านบาท คือโครงการเพฟ -เพชรเกษมสาย 4 และ โครงการ วี คอมพาวด์ บางนา-ศรีนครินทร์ และสามารถปิดการขายไปได้ 10 โครงการ
ไตรมาส 2 ปี 2565 บริษัทฯ มีแผนเปิดโครงการทั้งหมด 10 โครงการ มูลค่าประมาณ 17,200 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นโครงการแนวราบ 9 โครงการและคอนโด 1 โครงการ ณ 31 พ.ค. 65 เปิดขายตามแผนแล้ว 5 โครงการ สร้างยอดขายรวมกว่า 1,200 ล้านบาท และ จะเปิดขายในเดือนมิถุนายน อีก 5 โครงการ บริษัทมียอดขายสะสม 5เดือนรวม กว่า 9,300 ล้านบาท
สำหรับผู้สนใจลงทุนสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้:
ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (โดยบุคคลธรรมดาจองซื้อทางออนไลน์ผ่านhttps://www.kasikornbank.com/kmyinvest ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา) โทร. 02-888-8888 กด 819
ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) (โดยบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน Mobile Application - CIMB Thai Digital Banking ได้อีก 1 ช่องทาง) โทร. 02-626-7777
ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 1428 กด#4
หมายเหตุ:
- บริษัทอยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งยังไม่มีผลใช้บังคับ
- การจัดสรรขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ เงื่อนไขการจัดจำหน่ายเป็นไปตามที่กำหนดในร่างหนังสือชี้ชวน
คำเตือน: โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลในร่างหนังสือชี้ชวนก่อนการตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดได้จากแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนตามรายละเอียดด้านล่าง
ที่มา: ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย