ดร. กิติพงค์ พร้อมวงค์ ผู้อำนวยการ สอวช. เปิดเผยว่า การจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในปี 2022 พบว่า ปัจจัยด้านโครงสร้างพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ของประเทศไทยในปี 2022 อยู่ในอันดับที่ 38 คงที่เท่ากับปี 2021 แต่ในขณะเดียวกัน มีหลายตัวชี้วัดที่มีการพัฒนาดีขึ้น เช่น ค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาของทั้งประเทศ ที่เพิ่มขึ้นจาก 6,219 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2021 เป็น 6,647 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2022 ค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาของทั้งประเทศต่อจีดีพี เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 1.14 ในปี 2021 เป็นร้อยละ 1.33 ในปี 2022 จำนวนนักวิจัยที่ทำงานเต็มเวลา (Full-time equivalent: FTE) ต่อประชากร 1,000 คน จากเดิม 1.9 FTE เพิ่มขึ้นเป็น 2.2 FTE จำนวนผลงานตีพิมพ์ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้นเกือบ 1,000 รายการ และเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงจำนวนสิทธิบัตรที่ให้กับคนในประเทศที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก 367 รายการ ในปี 2021 เป็น 473 รายการในปี 2022
สำหรับปัจจัยด้านการศึกษา ประเทศไทยมีอันดับดีขึ้นจากปีที่ผ่านมา จากอันดับที่ 56 ขึ้นมาอยู่อันดับที่ 53 ขยับขึ้น 3 อันดับ มีหลายตัวชี้วัดที่พัฒนาดีขึ้น โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของทั้งประเทศต่อจีดีพี จากเดิมร้อยละ 3.00 ในปี 2021 จัดอยู่ในอันดับที่ 59 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 3.70 ในปี 2022 ขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 49 เพิ่มขึ้น 10 อันดับ ค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของทั้งประเทศต่อจำนวนนักเรียน ในทุกระดับชั้น เพิ่มขึ้นจาก 986 เหรียญสหรัฐต่อคน ในปี 2021 เป็น 1,294 เหรียญสหรัฐต่อคนในปี 2022 นอกจากนี้ อัตราส่วนประชากรที่สำเร็จการศึกษาในระดับอุดมศึกษายังมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นด้วย จากเดิมร้อยละ 32 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 34
อย่างไรก็ตาม อันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในปี 2022 ในภาพรวม ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 33 ขยับลงจากปี 2021 มา 5 อันดับ จากผลการจัดอันดับรวม 63 ประเทศทั่วโลก โดยประเทศ/เขตเศรษฐกิจ 5 อันดับแรก ที่มีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงที่สุด ได้แก่ เดนมาร์ก สวิตเซอร์แลนด์ สิงคโปร์ สวีเดน ฮ่องกง ตามลำดับ และเมื่อจัดอันดับเทียบกับประเทศในอาเซียน ภาพรวมประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 3 รองจากสิงคโปร์และมาเลเซีย
ที่มา: สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.)