นายชัยพิพัฒน์ แก้วไตรรัตน์ กรรมการผู้จัดการ AQUA เผยว่า "ธุรกิจ MEGA TREND ในปัจจุบันมีอยู่ 3 ประเภทคือ 1.Fintech ที่ทางบริษัทได้เข้าลงทุนซื้อหุ้นสามัญในบริษัท เพียร์ ฟอร์ ออล จำกัด และเข้าลงทุนซื้อหุ้นสามัญในบริษัท เนสท์ติฟลาย จำกัด ไปแล้วเมื่อช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา"
"2. คือธุรกิจ Logistic ซึ่งบอร์ดอนุมัติให้เข้าลงทุนใน Thai Parcel ครั้งนี้ บริษัทฯมองเห็นถึงการต่อยอดหรือสร้าง Synergy ในอนาคตกับธุรกิจที่เรามีอยู่แล้วอย่าง warehouse และอาจรวมถึงการนำ data ที่ Thai Parcel มีมาประยุกต์ใช้ต่อยอดเพื่อพัฒนาธุรกิจในรูปแบบ Tech Company โดยการลงทุนใน Thai Parcel จะทำให้ AQUA สามารถรับรู้รายได้จากการลงทุนได้ทันทีใน Q3/2565 (หากทำรายการเรียบร้อย) แน่นอนว่าเป็นผลดีต่อบริษัทฯในระยะยาว โดยเราศึกษาและเลือกเข้าลงทุนใน Thai Parcel ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะตัว แตกต่างจากผู้ประกอบการ Logistic ที่หลายคนคุ้นเคยในปัจจุบัน และจากการเข้าทำ Due Diligence ทำให้เห็นถึงผลประกอบการและอัตราการเติบโตที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกๆปี"
"และ 3. คือกลุ่มธุรกิจ Health Care ที่ทาง AQUA ให้ความสนใจกำลังศึกษาอยู่ คาดว่าจะมีความคืบหน้าในเร็วๆนี้ เพื่อเสริมให้วงจรธุรกิจของ AQUA ดำเนินไปได้อย่างครบครันและสร้างการเติบโตได้อย่างสมบูรณ์แบบ"
ทั้งนี้ Thai Parcel (TP) เป็นบริษัทมหาชนจำกัด ที่จดทะเบียนจัดตั้งในประเทศไทยและประกอบธุรกิจรับขนส่งสินค้า และอยู่ในระหว่างการยื่น IPO การเข้าลงทุนของ AQUA ในครั้งนี้ถือเป็นการซื้ออนาคตที่กำลังเติบโตของ Thai Parcel ในราคาที่ยิ่งกว่าคุ้มค่าเทียบกับคุณภาพและศักยภาพที่มีอยู่
"แผนการปรับการลงทุนของ AQUA ยังมุ่งเพื่อกระจายความเสี่ยงในธุรกิจอีกด้วย ซึ่งจะสร้างเสถียรภาพต่อบริษัทฯและผู้ถือหุ้นอย่างมั่นคง" นายชัยพิพัฒน์ กล่าวเสริม
ที่มา: อควา คอร์เปอเรชั่น