คุณอนงค์กล่าวว่า กลยุทธ์นี้พัฒนามาจากช่วงที่เกิดวิกฤติโควิด เรียกได้ว่าเป็นการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส ซึ่งนอกเหนือจากการขยายสาขาแล้ว ฮอกไกโดก็จะยังพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ต่างๆ อย่างต่อเนื่องอีกด้วย
"ช่วงวิกฤติโควิดที่ผ่านมานั้นมีการปิดห้าง ทำให้สาขาในห้างไม่สามารถทำงานได้เลย เราจึงเริ่มที่จะขยายสาขามายังปั๊มน้ำมัน ปตท. ซึ่งผลปรากฏว่ายอดรายได้ดีขึ้นมาก เพราะลูกค้านอกจากจะแวะปั๊มเติมน้ำมันแล้ว ยังมีการจับจ่ายกันมากด้วย ซึ่งเป็นการสร้างยอดขายให้ดีทีเดียว ปัจจุบัน ร้านฮอกไกโด ในปั๊ม ปตท. มี 5 สาขา ได้แก่ มาลัยออยล์ พระรามสอง นครไชยศรี บางนา ล่าสุดคือ แจ้งวัฒนะ และกำลังจะเปิดใหม่ในช่วงสิ้นปีนี้คือ สาขาพระราม 4 (ข้างตึกมาลีนนท์)
นอกจากนี้ ยังมีการขยายช่องทางการขาย โดยนำสินค้าเข้าวางจำหน่ายในซูเปอร์มาร์เก็ต ห้างพรีเมียม ในเมืองเพื่อตอบโจทย์ช่องทางการซื้อของลูกค้าหลักของเราซึ่งอยู่ในเมืองเป็นส่วนใหญ่ อาทิ วิลล่า มาร์เก็ต, ท็อป มาร์เก็ต, ฟู้ดแลนด์, กรูเม่ มาร์เก็ต (เครือเดอะ มอลล์) รวมไปถึงเซเว่น อิเลฟเว่นด้วย ซึ่งยอดขายเติบโตได้ดี และมีการวางขายรสชาติต่างๆ ในห้างให้มากขึ้น ทั้งนมกลิ่นกล้วย สตอรว์เบอร์รี่ รวมถึงสินค้าใหม่ โยเกิร์ต กลิ่นส้มยูซุ และมิกซ์ เบอร์รี่ เพิ่งวางจำหน่ายปลายเดือนมิถุนายน ทีผ่านมา ฯลฯ ทั้งนี้ เพื่อให้ครอบคลุมลูกค้าทั้งหมด ได้แก่ กลุ่มครอบครัว ซึ่งป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่สุดที่คุณพ่อคุณแม่ผู้ปกครองจะซื้อนมฮอกไกโดกลับไปให้ลูกๆ กลุ่มวัยรุ่น ตั้งแต่มัธยมถึงมหาวิทยาลัย ที่ชื่นชอบนมและสามารถเลือกรสชาติด้วยตัวเองได้ รวมไปถึงกลุ่มวัยทำงานที่เน้นกลุ่มสุขภาพ เช่น นมและน้ำผลไม้เป็นหลัก"
คุณอนงค์ยังกล่าวด้วยว่า ผลิตภัณฑ์นมฮอกไกโดนั้น ตั้งเป้าที่จะเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มนมพาสเจอไรส์พรีเมียม ดังนั้นนอกจากจะขยายสาขาไปตามที่ต่างๆ และเจาะห้างสรรพสินค้าระดับพรีเมียมเพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของฮอกไกโดและให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินค้าได้ง่ายแล้ว ยังเพิ่มขยายไลน์
สินค้าใหม่ให้มากขึ้นด้วย
" ในส่วนของสินค้าก็พยายามเน้นกลุ่มคนรักสุขภาพ นอกเหนือจากนมพาสเจอร์ไรส์ที่ทำอยู่แล้ว แบรนด์ฮอกไกโดก็มีกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ผลิตจากพืชหรือที่เรียกว่ากลุ่ม แพลนต์เบส (Plant-based) อย่าง เช่น นมถั่วเหลืองฮอกไกโดสูตรหวานน้อย ที่ได้เริ่มวางจำหน่ายที่สาขาฮอกไกโดแล้วเมื่อต้นปี และเรามีการวางแผนพัฒนาสินค้าใหม่ๆกลุ่มแพลนต์เบสอื่นๆอีกเพื่อให้ตอบโจทย์เทรนด์สุขภาพและเพิ่มทางเลือกที่หลากหลายให้แก่ผู้บริโภคต่อไป"
ในส่วนของการทำการตลาดนั้น คุณอนงค์กล่าวว่าเรามุ่งเน้นสร้างการรับรู้ตอกย้ำความอร่อยและคุณภาพของสินค้าด้วยการมุ่งเน้นทำการตลาดออนไลน์ ดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง และกิจกรรมกับลูกค้า ซึ่งสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มครอบครัว วัยเรียน วัยทำงาน และนอกจากสร้างการรับรู้แล้วเรายังต้องทำให้ลูกค้าใหม่เกิดการทดลองสินค้า จึงมีแผนในการจัดชงชิม นอกจากหน้าสาขาฮอกไกโดแล้ว ยังเริ่มมีการแจกชิมที่ห้างพรีเมียมซูเปอร์มาร์เก็ตด้วย ซึ่งตั้งแต่ช่วงโควิดมา ได้มีการระงับกิจกรรมการตลาดในการเข้าถึงลูกค้าต่างๆ ซึ่งจากการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ทำให้ ปีนี้เราได้นำกิจกรรมชงชิมกลับมาให้ลูกค้าได้ลองสินค้าอีกครั้ง โดยจะเริ่มจัดกิจกรรมตั้งแต่ต้นสิงหาคม 65 เป็นต้นไป โดยเริ่มที่ ห้างกูร์เมต์ มาร์เก็ต รวมถึงมีการใช้อินฟลูเอนเซอร์มาช่วยสร้างการรับรู้หรือตอกย้ำจุดขายของสินค้าแบรนด์ฮอกไกโดอีกด้วย
ปัจจุบัน แบรนด์ฮอกไกโดมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย อาทิ กลุ่มนมพาสเจอไรซ์ โยเกิร์ตสด โยเกิร์ตดริ๊ง นมอัดเม็ด ไอศกรีม นมถั่วเหลือง คุ๊กกี้ และเมนูเครื่องดื่มที่หลากหลาย ซึ่งเรายังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่อร่อย คงคุณภาพวัตถุดิบที่ดี และมีประโยชน์ต่อไป รวมถึงให้ลูกค้าได้เข้าถึงผลิตภัณฑ์นมฮอกไกโด
ได้ง่ายมากขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย
สามารถติดตามกิจกรรมของนมฮอกไกโดได้ที่ https://www.facebook.com/HokkaidoTH/