ผู้นำโครงการอิสลามระดับโลกกับการสื่อสารที่มีอาระยธรรมและการเผยแผ่วัฒนธรรมการเสวนา อัล-อีซา

อังคาร ๑๒ กรกฎาคม ๒๐๒๒ ๐๙:๐๘
การแต่งตั้ง ฯพณฯ ชีค ดร.มูฮัมหมัด บิน อับดุล คาริม อัล-อีซา ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสันนิบาตมุสลิมโลก ซึ่งเป็นองค์กรอิสลามที่ใหญ่ที่สุดในโลก ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มีการศึกษามาแล้วอย่างรอบคอบ
ผู้นำโครงการอิสลามระดับโลกกับการสื่อสารที่มีอาระยธรรมและการเผยแผ่วัฒนธรรมการเสวนา อัล-อีซา

ชีค อัล-อีซา ได้รับการศึกษาอย่างถ่องแท้ในด้านกฎหมายชารีอะห์ และยังได้รับตำแหน่งระดับสูงในราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ทำให้ท่านกลายเป็นหนึ่งในอุลามาอฺและนักกฎหมายอิสลามที่มีชื่อเสียงมากที่สุด ไม่ใช่แค่ในระดับประเทศซาอุดีอาระเบียเท่านั้น แต่ชื่อเสียงของท่านได้โด่งดังในระดับโลก

ชีค อัล-อีซา ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรมและสมาชิกของสภาอุลามาอฺอาวุโส ซึ่งเป็นองค์กรแรกที่เป็นแนวทางของคำวินิจฉัย (ฟัตวา) ในประเทศซาอุดีอาระเบีย และสำหรับชาวมุสลิมหลายคนทั่วโลก การทำงานในตำแหน่งสำคัญนี้ทำให้ท่านได้รับประสบการณ์มากมายนอกเหนือจากความรู้ที่ท่านได้รับจากอุลามาอฺอาวุโสในซาอุดีอาระเบีย สิ่งเหล่านี้ทำให้ท่านมีทั้งความรู้ที่แข็งแกร่งและทักษะการบริหารที่ดี ซึ่งทำให้ท่านได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสันนิบาตมุสลิมโลก

ตั้งแต่ที่ท่าน อัล-อีซา ได้ความมั่นใจในการรับตำแหน่งที่สำคัญนี้ ท่านได้นำองค์การสันนิบาตมุสลิมโลก ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่มักกะห์ อัล-มูคาร์รามะห์ เปลี่ยนจากกรอบการทำงานแบบดั้งเดิมไปสู่ขอบฟ้าที่กว้างและเป็นมิตรมากขึ้น ท่านยังได้แก้ไขข้อเข้าใจผิดมากมายที่บิดเบือนภาพลักษณ์ของอิสลามสายกลาง

ชีค ดร.อัล-อีซา นั้นดำรงตำแหน่งอีกมากมายนอกเหนือจากเลขาธิการองค์การสันนิบาตมุสลิมโลกเช่น ประธานสมาคมอุลามาอฺมุสลิมและประธานสมาคมมหาวิทยาลัยอิสลาม ท่านเป็นต้นแบบสำหรับการเริ่มต้นใหม่ตามนโยบาย Vision 2030 ของประเทศซาอุดีอาระเบีย

ท่านยังเป็นผู้นำในโครงการตื่นรู้ (Enlightening Project) ซึ่งเริ่มโดยประเทศซาอุดีอาระเบีย เพื่อแก้ไขข้อเข้าใจผิดและนำเสนอภาพที่แท้จริงของศาสนาอิสลามที่เรียกร้องการอยู่ร่วมกันและให้ความสำคัญกับการเสวนาเพื่อวิธีการรักษาความเข้าใจเหล่านี้ให้คงอยู่ต่อไป

ดร.มูฮัมหมัด อัล-อีซา เป็นเจ้าหน้าที่ระหว่างประเทศที่ดูแลองค์กรระว่างประเทศซึ่งดูแลเกี่ยวกับการเสวนา การคงอยู่ร่วมกัน และการยอมรับความต่างระหว่างศาสนา ผู้คน และเชื้อชาติ องค์การสันนิบาตมุสลิมโลก และองค์กรต่าง ๆ ในเครือ นั้นทำงานเกี่ยวกับการเสวนา เผยแผ่หลักอิสลามสายกลาง มอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และจัดการการเสวนาในงานประชุมระดับโลก

ด้วยสติปัญญาและการมองการณ์ไกลของ ชีค อัล-อีซา ท่านได้ตระหนักถึงคุณค่าของเอเชียตะวันออก ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของโลกอิสลาม มีประเทศที่มีจำนวนประชากรสูง มีความก้าวหน้าทันสมัยในทุกระดับ และประชาชนมีความโน้มเอียงไปในด้านวาทกรรมสายกลาง และกีดกันลัทธิหัวรุนแรงและการก่อการร้าย

มีการจัดงานประชุมเสวนา งานประชุม และงานสัมมนาหลายครั้งเกี่ยวกับเรื่องนี้ และส่งผลกระทบเชิงบวกอย่างมาก และงานที่สำคัญที่สุดคงเป็นงานประชุมเสวนา "เยาวชนแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" หรือ Youth of Southeast Asia ซึ่งจัดโดย ฯพณฯ ชีค ดร.มูฮัมหมัด บิน อับดุล คาริม อัล-อีซา โดยผลลัพธ์ของงานมีการให้คำแนะนำในการส่งเสริมบทบาทของเยาวชนในการส่งเสริมการยอมรับความแตกต่างของศาสนาอิสลามและการเผยแผ่ศาสนาอิสลาม

บทบาทขององค์การสันนิบาตไม่ได้มีเพียงแค่การจัดงานประชุมเสวนาเพียงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการบันทึกประวัติศาสตร์อิสลามในด้านตะวันออกของทวีปเอเชียผ่านการเซ็นสัญญาความตกลงระหว่างองค์การสันนิบาตมุสลิมโลกและมูลนิธิชีวประวัติของท่านศาสดา (Biography of the Prophet Foundation) ในประเทศอินโดนีเซีย เพื่อสร้างพิพิธภัณฑ์และจัดนิทรรศการเกี่ยวกับชีวประวัติของท่านศาสดาและอารยธรรมอิสลามในกรุงจาการ์ตา เมืองหลวงของประเทศอินโดนีเซีย และเป็นต้นแบบของพิพิธภัณฑ์ที่องค์การสันนิบาตจะจัดตั้งไปทั่วโลก

หนึ่งในคุณูปการล่าสุดขององค์การสันนิบาตมุสลิมโลกภายใต้การนำของนักวิชาการที่น่านับถืออย่างท่าน อัล-อีซา คือการจัดงานประชุมเสวนาอุลามาอฺแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Forum of Ulama of Southeast Asia) ซึ่งจัดโดยประเทศมาเลเซียภายใต้การสนับสนุนของ ฯพณฯ ดาโตะ ซรี อิซมาอิล ซาบรี ยาคบ นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย

คำกล่าวของ ฯพณฯ ดร.อัล-อีซา ได้ยืนยันว่างานประชุมครั้งนี้มีความพิเศษอย่างยิ่งเนื่องจากเป็นการรวมตัวของอุลามาอฺจากประเทศที่มีความสำคัญทั้งบนแผนที่ของโลกอิสลามและโลกทั้งหมด "ซึ่งก็คือประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้"

การประชุมครั้งสำคัญนี้มีความโดดเด่นเพราะมันถูกจัดขึ้นในประเทศมาเลเซีย ซึ่งทุกคนได้ให้ความเห็นว่า เป็นแบบอย่างแห่งความปรองดองระหว่างองค์ประกอบด้านศาสนาและชาติพันธุ์ทั้งหมดในประเทศ

การประชุมนี้จะเป็นการเริ่มต้นที่ดีของการจัดตั้งสภาถาวรเพื่อการพบปะของอุลามาอฺเป็นครั้งคราวภายใต้การสนับสนุนของศูนย์รวมของชาวมุสลิมทั่วโลก ซึ่งก็คือองค์การสันนิบาตมุสลิมโลกซึ่งมีซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่มักกะห์ อัล-มูคาร์รามะห์

หนึ่งในผลลัพธ์ที่สำคัญที่สุดของการประชุมนานาชาติครั้งนี้คือการที่ ฯพณฯ นายกรัฐมตรี ดาโตะ ซรี อิซมาอิล ซาบรี ยาคบ ได้อนุมัติให้จัดตั้งสภานี้ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ รวมถึงการให้การสนับสนุนและเปิดการประชุมครั้งแรกของสภานี้ในปีหน้า

คำแถลงของการประชุมที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ได้สรุปนโยบายขององค์การสันนิบาตมุสลิมโลกภายใต้การนำของท่าน อัล-อีซา ซึ่งมีพื้นฐานอยู่บนความจริงที่ว่า ความสัมพันธ์และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของมนุษย์นั้นมีพื้นฐานมาจากหลักการที่ติดตัวมาแต่กำเนิด รวมถึงความรักในความมั่นคง สันติภาพ ความยุติธรรม และความเท่าเทียมกัน

และมนุษย์ทุกคนต้องทราบว่าความแตกต่างระหว่างพวกเขา ไม่ว่าจะเป็น สีผิว ประเพณี ความเชื่อ วัฒนธรรม หรือศาสนา นั้นไม่ใช่ต้นเหตุของความแตกต่างและความขัดแย้ง เพราะเราทุกคนต่างเป็นพี่น้องกันในมนุษยชาติ และเราพอใจที่จะรักษาความมั่นคงและอยู่ร่วมกันอย่างสันติในโลกใบนี้

นี่เป็นข้อเรียกร้องที่ถูกต้องตามกฎหมายและเป็นหนึ่งในจุดประสงค์ของกฎหมายชารีอะห์ ที่ทุกภาคส่วนในชาติอิสลามจ้องสนับสนุนและปฏิบัติตาม จุดเริ่มต้นของวาทกรรมจากมักกะห์สู่เอเชียตะวันออกเป็นสัญญาณบอกถึงคุณค่าของความลึกซึ้งของศาสนาอิสลาม และยังเป็นจุดเริ่มต้นเชิงกลยุทธ์สำหรับวาทกรรมสายกลางที่ต่อสู้กับความบ้าคลั่งและแนวคิดหัวรุนแรง และสร้างค่านิยมของการอยู่ร่วมกัน สันติภาพ และความรัก

งานประชุมเสวนา "ค่านิยมร่วม"

การประชุมเสวนา "ค่านิยมร่วมของผู้นับถือศาสนาที่แตกต่าง" หรือ Shared Values among Followers of Religions จัดโดยองค์การสันนิบาตมุสลิมโลกในกรุงริยาด โดยมีการมีส่วนร่วมจากผู้นำทางศาสนาจากทั่วทุกมุมโลกในเดือนเชาวาลที่ผ่านมา ได้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการรวมบทบาทขององค์การสันนิบาตมุสลิมโลกในฐานะขององค์กรอิสระระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการเผยแผ่ค่านิยมของศาสนาอิสลาม และเรียกร้องถึงความดีงามของมนุษยชาติ และการร่วมมือกันของคนทุกคนในการส่งเสริมสิ่งที่มนุษย์ทุกคนมีเหมือนกันเพื่อสร้างโลกแห่งความร่วมมือและสันติสุข และสร้างสังคมแห่งความสามัคคีและการอยู่ร่วมกัน โดยเริ่มจากประเทศซาอุดีอาระเบีย ดินแดนแห่งความสว่างไสว และดินแดนแห่งการสื่อสารของศาสนาอิสลามและของมนุษย์

ฯพณฯ ชีค ดร.มูฮัมหมัด บิน อับดุล คาริม อัล-อีซา เลขาธิการองค์การสันนิบาตมุสลิมโลก ได้ใช้ความสามารถในด้านการปฏิบัติ ความฉลาดทางสติปัญญา และความแตกฉานด้านศาสนา ในการส่งเสริมการอยู่ร่วมกันอย่างสันติของศาสนาทุกศาสนาในโลก และสร้างปัญญาในทางสายกลางในหมู่ประชาชน ความสามารถของท่านเป็นหนึ่งในเสาหลักที่สำคัญที่สุดของผู้นับถือศาสนาต่าง ๆ ในกรุงริยาด เพราะท่านได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในนักวิชาการมุสลิมที่โดดเด่นที่สุดที่สนับสนุนคำสอนของศาสนาอันยิ่งใหญ่ของพวกเรา และเรียกร้องการเสวนาและความร่วมมือ โดยเฉพาะในกลุ่มของผู้เข้าร่วมที่สนับสนุนการอยู่ร่วมกันอย่างเหมาะสมในโลกของเราเพื่อความหลากหลายทั้งหมดของมนุษย์

กฎบัตรมักกะห์

กฎบัตรมักกะห์ เป็นหนึ่งในผลงานที่โดดเด่นของ ฯพณฯ ชีค ดร.มูฮัมหมัด บิน อับดุล คาริม อัล-อีซา เลขาธิการองค์การสันนิบาตมุสลิมโลก เนื่องจากเป็นมติเอกฉันท์ของศาสนาอิสลามฉบับแรกที่รวมความเห็นของปราชญ์ชารีอะห์เกี่ยวกับประเด็นร่วมสมัยที่สำคัญ  และท่านได้ดูแลการจัดเตรียมและการออกประกาศพร้อมลายมือชื่อของอุลามาอฺจากนิกายอิสลามทั้งหมด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงผลกระทบที่สำคัญและยิ่งใหญ่ของกฎบัตรนี้ กฎบัตรนี้ยังได้แสดงถึงการสร้างเสริมความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและการอยู่ร่วมกันทั่วโลก ซึ่งเป็นสื่งที่ ฯพณฯ ดร.อัล-อีซา กำลังทำงานเพื่อการส่งเสริมรวมตัวกันของประเทศต่าง ๆ เนื้อหาของกฎบัตรมักกะห์ อัล-มูคาร์รามะห์ นั้นรวมถึงการเรียกร้องการอยู่ร่วมกันอย่างมีสิทธิ์และหน้าที่อย่างเต็มที่โดยเน้นที่ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และสิทธิ์ในการมีชีวิตอยู่โดยเสรีภาพตามกฎหมาย นอกเหนือไปจากการเสวนาและการเป็นพันธมิตรของอารยธรรมต่าง ๆ ท่านยังได้เรียกร้องถึงความสำคัญของการเคารพการคงอยู่ของความหลากหลาย โดยไม่สนใจทฤษฎีความบังเอิญและการปะทะทางอารยธรรม ภายใต้การดูแลของท่านในการออกกฎบัตรมักกะห์ อัล-มูคาร์รามะห์ มุฟตี และ อุลามาอฺ กว่า 1,200 คน ซึ่งเป็นตัวแทนของ 27 นิกายของปราชญ์ชารีอะห์ที่มีความหลากหลายใน 139 ประเทศ ได้ลงนามในกฎบัตรนี้โดยไม่มีข้อยกเว้น และสิ่งนี้ถือเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ขององค์การสันนิบาตมุสลิมโลก และ ฯพณฯ ดร.อัล-อีซา

การเยือนเอเชียตะวันออก

การเยือนประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกของ ฯพณฯ ชีค ดร.มูฮัมหมัด บิน อับดุล คาริม อัล-อีซา เลขาธิการองค์การสันนิบาตมุสลิมโลก นั้นเกิดขึ้นตามเป้าหมายอันสูงส่งขององค์การสันนิบาตในการรักษาอัตลักษณ์อิสลามของอุมมะห์ ยกระดับตัวองค์การในระดับโลก และบรรลุความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ท่านได้เยือนประเทศไทยตามคำเชิญอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลไทย โดยมีเป้าหมายที่จะเริ่มต้นความร่วมมือระหว่างกันผ่านโครงการริเริ่มและโครงการต่าง ๆ ซึ่งเป็นเสาหลักที่สำคัญที่สุดที่ ดร.อัล-อีซา กำลังพยายามทำให้สำเร็จผ่านการเผยแผ่วัฒนธรรมอิสลามและเผยแผ่คำสอนของหลักชารีอะห์ที่ยอมรับความแตกต่าง และท่านได้ทำตามเป้าหมายด้วยการพบปะกับผู้นำศาสนาประเทศไทยจากทั้ง "ศาสนาอิสลามและศาสนาพุทธ" ท่านได้เสวนากับผู้นำทางจิตวิญญาณของศาสนาพุทธในและผู้นำของคณะกรรมการกลางอิสลามในเรื่องของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และการยอมรับความต่างทางศาสนาในกลุ่มประชาชน

การเยือนสาธารณรัฐมัลดีฟส์ของ ชีค ดร.มูฮัมหมัด บิน อับดุล คาริม อัล-อีซา แสดงให้เห็นถึงความพึงพอใจต่อองค์การสันนิบาตมุสลิมโลกในหมู่ผู้นำและประชาชนทั่วโลก ท่านได้ตอบรับคำเชิญของ ฯพณฯ ท่าน อิบราฮิม โซลิห์ ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐมัลดีฟส์ และการเยือนมัลดีฟส์จะเป็นการเริ่มต้นของการจัดโครงการเกี่ยวกับศาสนาอิสลาม นิทรรศการชีวประวัติของท่านศาสดา และเวิร์กช็อปเกี่ยวกับกฎบัตรมักกะห์ อัล-มูคาร์รามะห์ ในประเทศมัลดีฟส์และประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค

เกียรติประวัติ

ด้วยความชื่นชมในความพยายามของท่านในการทำงานเพื่ออิสลามและสันติของโลก โดยอ้างอิงจากผลงานของศูนย์เผยแผ่ศาสนาอิสลามและสันติ (Center for Radiation of Islam and Peace) ณ สำนักงานใหญ่องค์การสันนิบาตมุสลิมโลกในเมืองมักกะห์ อัล-มูคาร์รามะห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ฯพณฯ ชีค ดร.อัล-อีซา ได้รับเหรียญเกียรติยศแห่งสาธารณรัฐมัลดีฟส์ ในระหว่างการเยือนสาธารณรัฐมัลดีฟส์ ซึ่งท่านได้พบปะกับผู้นำศาสนาอิสลามและศาสนาอื่น ๆ และได้หารือเกี่ยวกับการจัดโครงการความร่วมมือเพื่อวัตถุประสงค์ด้านศาสนาและมนุษยชาติ

ดร.อัล-อีซา ยังได้เยือนศูนย์อิสลามในกรุงพนมเปญ เมืองหลวงของประเทศกัมพูชา และพบปะกับผู้นำศาสนาอิสลามที่ได้ชื่นชมผลงานขององค์การสันนิบาตมุสลิมโลกที่พบเห็นได้ทั่วโลก พวกเขาได้แสดงถึงความภาคภูมิใจในชื่อเสียงขององค์การสันนิบาตในหมู่ผู้นำทางการเมือง ผู้นำในรัฐสภา และผู้นำทางศาสนาอื่น ๆ ในประเทศกัมพูชา ในด้านการเป็นแบบอย่างให้กับนานาประเทศ และเป็นที่ต้อนรับในทั่วทุกมุมโลก และได้ส่งผลกระทบเชิงบวกกับชาวมุสลิมซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยในประเทศ

ชีค อัล-อีซา ได้ให้โอวาทที่มัสยิดใหญ่ในกรุงพนมเปญ โดยมีผู้เข้าร่วมหลายร้อยคน และยังสร้างผลกระทบอย่างมากแก่ผู้เข้าร่วมเพราะการมาเยือนของท่านได้ส่งเสริมความร่วมมือกันระหว่างผู้นับถือศาสนาที่ต่างกัน โดยงานนี้ได้ถูกอธิบายว่าเป็น "ประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่สำหรับชาวกัมพูชา ได้รับการมาเยือนจากบุคคลสำคัญในศาสนาอิสลามเป็นครั้งแรกในเมืองพุทธแห่งนี้"

บุคคลแห่งปี

เพื่อเป็นการตอบแทนคุณูปการอันยิ่งใหญ่ของท่านต่ออิสลามและชาวมุสลิม ในการส่งเสริมหลักการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและหลักศาสนาสายกลาง สหพันธรัฐมาเลเซียได้มอบรางวัลฮิจเราะห์ของท่านศาสดา (Hijra of The Prophet) ให้แก่ ดร.มูฮัมหมัด บิน อับดุล คาริม อัล-อีซา เลขาธิการองค์การสันนิบาตมุสลิมโลก ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้กับบุคคลสำคัญทางศาสนาอิสลามที่ทรงอิทธิพลที่สุดในระดับนานาชาติ เพื่อตอบแทนคุณูปการในการเผยแผ่ภาพลักษณ์ที่แท้จริง หลักการ และค่านิยมอันสูงส่งของอิสลาม รางวัลนี้ได้มอบให้แก่ท่าน อัล อีซา เนื่องจากคุณูปการของท่านในการส่งเสริมความสามัคคีกันระหว่างผู้คนที่มีศาสนาและวัฒนธรรมต่างกัน รวมถึงบทบาทของท่านในการเผยแผ่สันติภาพของโลกอีกด้วย

ชีค ดร.มูฮัมหมัด อัล-อีซา มีบทบาทสำคัญต่อศาสนาอิสลามและช่วยแสดงถึงภาพลักษณ์ที่แท้จริงของศาสนาต่อผู้คนทั่วโลก ด้วยการแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกนึกคิดของชาวมุสลิมและความหวังของพวกเขาในการบรรลุเป้าหมายที่สูงกว่าเดิม ท่านเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนศาสนาอิสลามที่โดดเด่นและกระตือรือร้นมากที่สุดในการทำงานเพื่อโลกอิสลาม โดยท่านเริ่มจากเสี้ยวหนึ่งของความสนใจในประเด็นสำคัญที่เกี่ยวกับศาสนาอิสลาม และเริ่มทำงานเพื่อแก้ปัญหาให้กับชาวมุสลิมเพื่อผมประโยชน์และความหวังของพวกเขา

ที่มา: มิดัส คอมมิวนิเคชั่น อินเตอร์เนชั่นเนล

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ