MoU ครั้งนี้ครอบคลุมระยะเวลาถึงปี 2572 และตอกย้ำพันธกิจร่วมกันระหว่างรัฐบาลมองโกเลียกับยูเนสโกในด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ วัฒนธรรม และการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล โดย MoU ครั้งนี้ได้รับการลงนามโดยคุณออเดรย์ อาซูเลย์ (Audrey Azoulay) ผู้อำนวยการใหญ่องค์การยูเนสโก ซึ่งขณะนี้อยู่ในมองโกเลียเพื่อเข้าร่วมเทศกาลนาดัม (Naadam)
พันธกิจหลักของ MoU ดังกล่าวนี้จะช่วยสนับสนุนการดำเนินตามนโยบายการฟื้นฟูใหม่ (New Recovery Policy) และวิสัยทัศน์ปี 2593 (Vision 2050) ของมองโกเลีย ซึ่งมุ่งเน้นการเปลี่ยนดินแดนแห่งนี้ให้เป็นประเทศผู้ทรงอำนาจชั้นนำในภูมิภาคภายในกลางศตวรรษนี้:
- ยกระดับระบบการศึกษาของมองโกเลีย: ด้วยการปรับปรุงคุณภาพและการเข้าถึงคุณวุฒิทางเทคนิคและคุณวุฒิทางวิชาชีพ สนับสนุนการพัฒนากรอบคุณวุฒิแห่งชาติสำหรับการศึกษาระดับอุดมศึกษา ร่วมพัฒนาและส่งมอบเส้นทางการเรียนรู้ตลอดชีวิต ตลอดจนส่งเสริมภาคการศึกษาให้เปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล
- ปลดล็อกโอกาสที่เกิดจากวิทยาศาสตร์: ด้วยการลงทุนเพิ่มในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สนับสนุนการพัฒนามหาวิทยาลัยวิจัย ส่งเสริมการถ่ายทอดองค์ความรู้ในภาควิทยาศาสตร์ให้มากขึ้น ตลอดจนเปิดทางให้มีการก่อตั้งและพัฒนาภูมิภาคโครงสร้างพื้นฐานด้านนวัตกรรม เช่น อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เขตเศรษฐกิจเสรี และธุรกิจต่าง ๆ ที่ใช้เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง
- แสดงวัฒนธรรมและมรดกอันเป็นเอกลักษณ์ของมองโกเลีย: ด้วยการเสริมสร้างขีดความสามารถในการปราบปรามการลักลอบค้าสิ่งประดิษฐ์ทางวัฒนธรรม ส่งเสริมพิพิธภัณฑ์ของมองโกเลีย ขจัดกฎระเบียบไม่จำเป็นที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมทางวัฒนธรรมและอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของมองโกเลีย ตลอดจนเพิ่มระดับการมีส่วนร่วมของเยาวชนในมรดกทางวัฒนธรรมที่รุ่มรวยของมองโกเลีย
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีอุคนากีง คือเรลซึค (Ukhnaagiin Khuerelsuekh) แห่งมองโกเลีย ให้เกียรติมาเปิดงานเทศกาลนาดัมในปีนี้อย่างเป็นทางการเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (11 ก.ค.) ทั้งนี้ เทศกาลนาดัมได้รับการขึ้นบัญชีเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ (Representative List of the Intangible Cultural Heritage of Humanity) ของยูเนสโกในปี 2553
รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมของมองโกเลีย โนมิน ชินบัต (Nomin Chinbat) ให้ความเห็นว่า "ความร่วมมือระหว่างรัฐบาลมองโกเลียกับยูเนสโกครั้งสำคัญนี้จะช่วยปกป้องมรดกทางวัฒนธรรมของประเทศเราได้ดีขึ้น พร้อมทั้งช่วยให้ชาวมองโกเลียได้รับประโยชน์จากโอกาสต่าง ๆ ในอนาคต
ไม่ว่าจะเป็นในด้านของการศึกษา วิทยาศาสตร์ หรือการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น พันธกิจที่ระบุในความตกลงครั้งนี้จะมีบทบาทสำคัญในการบรรลุเป้าหมายตามวิสัยทัศน์ปี 2593 และนโยบายการฟื้นฟูใหม่"