ทีเอ็มบีธนชาต รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2 ที่ 3,438 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรวม 6 เดือนแรกของปี มีกำไรสุทธิ 6,633 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25%

พฤหัส ๒๑ กรกฎาคม ๒๐๒๒ ๑๓:๑๒
ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ ทีเอ็มบีธนชาต แจ้งผลประกอบการ ไตรมาส 2 และรอบ 6 เดือน ปี 2565 โดยธนาคารและบริษัทย่อยรายงานกำไรสุทธิ 3,438 ล้านบาท ในไตรมาส 2/65 เพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาส 1/65 และ 36% จากไตรมาส 2/64 ส่งผลให้ 6 เดือนแรกของปีมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 6,633 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ทีเอ็มบีธนชาต รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2 ที่ 3,438 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรวม 6 เดือนแรกของปี มีกำไรสุทธิ 6,633 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25%

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี เปิดเผยว่า ผลประกอบการที่ดีขึ้นนี้ เป็นผลจากการดำเนินงานที่เป็นไปตามเป้าหมาย ทั้งในส่วนของการเติบโตสินเชื่อ แนวโน้มด้านรายได้ การบริหารจัดการค่าใช้จ่าย และคุณภาพสินทรัพย์ จึงทำให้ธนาคารยังคงรักษาแนวโน้มหรือโมเมนตัมเชิงบวกของผลกำไรได้อย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีที่แล้ว

โดยในไตรมาส 2/65 นี้ ด้านรายได้มีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า ทั้งด้านรายได้ดอกเบี้ยที่ได้รับแรงหนุนจากการเติบโตสินเชื่อ และด้านรายได้ค่าธรรมเนียมที่ปรับตัวดีขึ้นจากค่าธรรมเนียมการขายประกันและค่าธรรมเนียมกลุ่มลูกค้าธุรกิจ ซึ่งช่วยชดเชยในส่วนของรายได้ค่าธรรมเนียมกองทุนรวมที่ยังคงชะลอตัวจากภาวะตลาดเงินตลาดทุนที่มีความผันผวนมาตั้งแต่ต้นปี

สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานนั้น แม้จะมีค่าใช้จ่ายจากแผนลงทุนด้านดิจิทัล แต่เนื่องจากได้รับประโยชน์จากการรวมกิจการด้านต้นทุน หรือ Cost Synergy จึงทำให้สามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้ตามแผน สะท้อนได้จากอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่อยู่ในกรอบเป้าหมายมาโดยตลอด

ด้านค่าใช้จ่ายตั้งสำรองฯ ก็ลดลงเช่นกัน เป็นผลจากแรงกดดันด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่ลดลงเมื่อเทียบกับหลายไตรมาสก่อนหน้า ตามภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับธนาคารได้ตั้งสำรองฯ ล่วงหน้าไว้แล้วบางส่วนในปี 2564 และที่ผ่านมาก็ดำเนินการดูแลคุณภาพสินทรัพย์อย่างรอบคอบ ควบคู่กับแก้ปัญหาหนี้เสียเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้คุณภาพพอร์ตสินเชื่ออยู่ในเกณฑ์ควบคุมและมีสัดส่วนหนี้เสียที่ต่ำกว่าระดับอุตสาหกรรม

สำหรับรายละเอียดผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 และรอบ 6 เดือน ปี 2565 มีดังนี้

ณ สิ้นไตรมาส 2/65 สินเชื่อรวม อยู่ที่ 1,393 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.9% จากไตรมาสก่อนหน้า และ 1.6% จากสิ้นปีที่แล้ว โดยธนาคารสามารถเติบโตสินเชื่อกลุ่มลูกค้ารายย่อยได้ตามแผน นำโดยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อเช่าซื้อ บัตรเครดิต และสินเชื่อบุคคล ตามลำดับ ขณะที่สินเชื่อกลุ่มลูกค้าธุรกิจเติบโตเช่นกัน โดยมาจากกลุ่มลูกค้าบรรษัทธุรกิจเป็นหลัก

ด้านเงินฝาก อยู่ที่ 1,395 พันล้านบาท ในไตรมาส 2/65 เพิ่มขึ้น 2.6% จากไตรมาสก่อนหน้า และ 4.2% จากสิ้นปีที่แล้ว เป็นไปตามแผนการขยายเงินฝากเพื่อรองรับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในอนาคต นำโดยเงินฝากลูกค้ารายย่อย ทีทีบี อัพ แอนด์ อัพ ขณะที่เงินฝาก ทีทีบี ออลล์ฟรี และทีทีบี โนฟิกซ์ ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่องเช่นกัน

ทั้งนี้ ในช่วงที่ธนาคารขยายฐานเงินฝากในอัตราที่เร็วกว่าสินเชื่อ อาจส่งผลให้ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยค่อนข้างเร่งตัวในระยะสั้น อย่างไรก็ดีจากรายได้ดอกเบี้ยที่ปรับตัวดีขึ้นตามการขยายตัวของสินเชื่อและกลยุทธ์การบริหารต้นทุนทางการเงิน จึงช่วยให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิในไตรมาส 2/65 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน ด้านรายได้ค่าธรรมเนียมปรับตัวดีขึ้นจากค่าธรรมเนียมการขายประกันที่เริ่มฟื้นตัวและค่าธรรมเนียมกลุ่มลูกค้าธุรกิจ ส่งผลให้รายได้จากการดำเนินงานรวมในไตรมาส 2/65 อยู่ที่ 15,889 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.7% จากไตรมาสที่แล้ว

ธนาคารยังคงบริหารค่าใช้จ่ายได้ดี โดยอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้อยู่ที่ 45% ในไตรมาส 2/65 อยู่ในกรอบเป้าหมายที่ 45%-47% แต่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับระดับ 44% ในไตรมาสที่แล้ว เนื่องจากธนาคารเริ่มรับรู้ค่าใช้จ่ายจากแผนการลงทุนด้านดิจิทัล ประกอบกับมีรายการ one-time จากการรับรู้การขาดทุนจากการแปลงค่าเงินที่เกิดจากการปิดสาขาในประเทศลาว จึงส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักสำรองฯ หรือ Pre-Provision Operating Profit (PPOP) ในไตรมาส 2/65 อยู่ที่ 8,752 ล้านบาท ค่อนข้างทรงตัวหรือลดลงเพียง 0.7% จาก 8,818 ล้านบาท ในไตรมาสก่อนหน้า แต่เพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/64 โดยรวม 6 เดือน ปี 65 มี PPOP รวม 17,570 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.0% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ในไตรมาส 2/65 ธนาคารตั้งสำรองฯ เป็นจำนวน 4,382 ล้านบาท เทียบกับ 4,808 ล้านบาท ในไตรมาส 1/65 รวม 6 เดือน ปี 65 ตั้งสำรองฯ ทั้งสิ้น 9,190 ล้านบาท เทียบกับ 10,971 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ยังถือเป็นการตั้งสำรองฯ ในระดับสูงเมื่อเทียบกับภาวะปกติ ทั้งนี้ จากการแก้ปัญหาหนี้เสียเชิงรุก ส่งผลให้สัดส่วนหนี้เสียต่อสินเชื่อรวมลดลงมาอยู่ที่ 2.63% เทียบกับ 2.81% ณ สิ้นปี 2564 และเมื่อพิจารณาสัดส่วนเงินสำรองฯ ต่อหนี้เสีย พบว่าเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 133% จาก 129% ณ สิ้นปีที่แล้ว สะท้อนให้เห็นว่าการตั้งสำรองฯ ในระดับปัจจุบันมีความเพียงพอ และธนาคารยังคงมีกันชนรองรับความเสี่ยงในระดับสูง

ท้ายสุดด้านความเพียงพอของเงินกองทุนยังอยู่ในระดับสูงและเป็นลำดับต้น ๆ ของอุตสาหกรรม โดย ณ สิ้นไตรมาส 2/65 อัตราส่วน CAR และ Tier 1 (เบื้องต้น) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 19.9% และ 15.8% สูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารกลุ่ม D-SIBs ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดไว้ที่ 12.0% และ 9.5% ตามลำดับ

นายปิติ กล่าวสรุป "สำหรับช่วงที่เหลือของปี ธนาคารจะยังคงใช้กลยุทธ์การเติบโตอย่างมีคุณภาพ เน้นการเติบโตสินเชื่อใหม่อย่างระมัดระวังและเน้นกลุ่มลูกค้าความเสี่ยงต่ำเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อเช่าซื้อ ขณะที่ ทีทีบี คอนซูมเมอร์ จะช่วยสนับสนุนการเติบโตสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล ซึ่งคาดว่าจะช่วยหนุนให้รายได้ดอกเบี้ยและผลตอบแทนจากการให้สินเชื่อฟื้นตัวได้มากขึ้นในช่วงถัดไป ด้านคุณภาพสินทรัพย์จะยังคงยึดนโยบายรอบคอบตามเดิม เพื่อรักษาฐานะทางการเงินให้มีความแข็งแกร่ง พร้อมรับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจที่ยังคงมีอยู่ และยกระดับผลิตภัณฑ์และบริการให้ดียิ่งขึ้น เพื่อสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นให้กับคนไทยทั้งวันนี้ และอนาคต"

ที่มา: ทีเอ็มบีธนชาต

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ