- วอลท์มาร์ค (Vault Mark) รับผู้พิการจากมูลนิธิมหาไถ่ฯ เข้าร่วมงาน ส่วนใหญ่เป็นผู้พิการทางขา ซึ่งสามารถใช้อวัยวะส่วนอื่นๆของร่างกายทำงาน ผ่านคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์ได้อย่างคล่องแคล่วและมีประสิทธิภาพ
- ชี้เทคโนโลยีช่วยก้าวข้ามขีดจำกัดในด้านต่าง ๆ ทำให้ทุกคนสามารถทำงานได้อย่างเท่าเทียมกัน และยังสอดคล้องกับความยั่งยืนที่ทั่วโลกต่างให้ความสำคัญ
บริษัท วอลท์มาร์ค จำกัด ซึ่งเป็นดิจิตอล เอเจนซี่ ที่ปรึกษาและให้บริการด้านการตลาดออนไลน์อย่างครบวงจร ได้ร่วมมือกับ มูลนิธิพระมหาไถ่ เพื่อการพัฒนาผู้พิการนำโดยบาทหลวงภัทรพงศ์ ศรีวรกุล ประธานมูลนนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ พร้อมด้วย นายมานพ เอี่ยมสะอาด ผู้จัดการศูนย์พัฒนาธุรกิจเพื่อสังคม ได้จัดทำ "ข้อตกลงความร่วมมือ เพื่อการสร้างอาชีพคนพิการ" เพื่อส่งเสริมและมอบโอกาสให้กับผู้พิการได้มีส่วนร่วมในการทำงานและดำรงชีวิตได้อย่างเข้มแข็งยั่งยืนเช่นเดียวกับคนทั่วไป
ขวัญมนัส ธรรมศรัทธา กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลท์มาร์ค จำกัด เล่าถึงจุดเริ่มต้นและวัตถุประสงค์ของโครงการว่า "เรามีแนวคิดที่จะรับผู้พิการในมูลนิธิพระมหาไถ่ฯ เข้ามาทำงานในบริษัทฯ เป็นกำลังสำคัญในทุกโปรเจคของพันธมิตรและคู่ค้าทางธุรกิจของเรา เช่น Cisco, Schneider, Bosch, Fujitsu ทำให้ Vault Mark และบริษัทคู่ค้าทางธุรกิจต่างมีส่วนร่วมส่งเสริมและมอบโอกาสให้กับผู้พิการในการทำงานและดำรงชีวิตได้อย่างเข้มแข็ง ยืนหยัดได้อย่างยั่งยืนในสังคมด้วยเช่นกัน เนื่องจากปัจจุบันโลกของธุรกิจการให้บริการข้อมูลได้เชื่อมต่อกับผู้ที่สนใจในสินค้าและบริการหรือลูกค้าผ่านระบบออนไลน์ และระบบโทรศัพท์ของบริษัทได้อย่างครอบคลุม ทำให้ผู้พิการสามารถทำงานด้านการให้ข้อมูล, แนะนำวิธีการซื้อสินค้า, รับแจ้งปัญหาขอความช่วยเหลือผ่านระบบออนไลน์ได้ใกล้เคียงกับพนักงานของบริษัทฯ โดยผู้พิการจะต้องผ่านการอบรมวิธีการให้ข้อมูลอย่างถูกต้องก่อนการให้บริการ รวมทั้งได้นำเทคโนโลยีมาเชื่อมโยงการทำงานระหว่างทีมงานของบริษัทฯ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถทำงานได้ ทุกที่ ทุกเวลาถือได้ว่าเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้พิการได้แสดงศักยภาพในการร่วมขับเคลื่อนการดำเนินงานขององค์กรได้อย่างเต็มที่"
สำหรับผู้พิการที่มีโอกาสเข้ามาร่วมงานกับบริษัทฯ ส่วนใหญ่เป็นผู้พิการทางขา ซึ่งสามารถใช้อวัยวะส่วนอื่นๆของร่างกายทำงาน ผ่านคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์ได้อย่างคล่องแคล่วและมีประสิทธิภาพ ทางบริษัทฯ จึงได้จัดจ้างให้เข้ามาทำงานในฝ่ายธุรกิจดิจิทัล ภายใต้ตำแหน่ง Customer Service ซึ่งบริษัทฯ ได้จัดทำระบบการทำงานออนไลน์ เพื่อเชื่อมต่อและอำนวยความสะดวกให้ผู้พิการสามารถปฏิบัติงานอยู่ที่มูลนิธิฯ ได้โดยไม่ต้องเดินทางไกลมาปฏิบัติงานที่สำนักงาน และมีการประชุมผ่านระบบ Video Conference เป็นประจำ ระหว่างทีมงานบริษัทกับผู้ปฏิบัติงานในมูลนิธิฯ เพื่อรายงานผลการปฏิบัติงาน, ปัญหาที่พบในช่วงการทำงาน พร้อมทั้งแนะนำทักษะ รวมทั้งวิธีการแก้ปัญหาที่พบจากการปฏิบัติงาน เป็นต้น
บริษัท วอลท์มาร์ค จำกัด ในฐานะ ดิจิตอล เอเจนซี่ ที่ปรึกษาและให้บริการด้านการตลาดออนไลน์อย่างครบวงจร ที่น่าเชื่อถือและได้รับความไว้วางใจจากการส่งมอบผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้กับทุกธุรกิจ ตั้งแต่สตาร์ทอัพขนาดเล็ก บริษัทขนาดกลาง ไปจนถึงลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ ประเภท "Fortune 500" ที่ดำเนินงานในประเทศไทย เรามีทีมงานที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมที่หลากหลายครอบคลุมด้านสุขภาพ, การเกษตร, การผลิต, อาหารและเครื่องดื่ม, นำเข้าและส่งออก, ขายส่ง, ขายปลีก, ไอที, OEM และธุรกิจการบริการ เป็นต้น พร้อมให้บริการด้านการตลาดออนไลน์ที่ครบวงจร ได้แก่
- Sales & Marketing Partnership Program
- Search Engine Optimization (SEO)
- Search Engine Marketing (SEM)
- Social Media Marketing (SMM)
- Live Commerce
- Influencer Marketing
- Affiliate Marketing
- E-Commerce & Web Development
ทางบริษัทฯ ยังได้มีการประเมินผลการปฏิบัติงานของน้องๆ ผู้พิการ เพราะผู้พิการทุกท่านสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับพนักงานปกติที่ทำงานประจำ ทางบริษัทฯ จึงมีแนวคิดที่จะวางแผนให้สิทธิ์ผู้พิการได้มีโอกาสเข้ามาทำงานร่วมกับบริษัทฯ ตามความสามารถที่เหมาะสมมากยิ่งขึ้น นับเป็นความสำเร็จอีกบทบาทหนึ่งในการพัฒนาส่งเสริมอาชีพให้สำหรับผู้พิการได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ ก่อตั้งโดย บาทหลวงเรย์มอนด์ เบรนเนน หรือที่เราเรียกกันว่า "คุณพ่อเรย์" ผู้ก่อตั้งโรงเรียนอาชีวพระมหาไถ่ พัทยา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 โดยคุณพ่อเรย์ได้เล็งเห็นถึงความจำเป็นที่ต้องมีหน่วยงานที่เป็นนิติบุคคลมาเป็นเจ้าของและดำเนินงานของโรงเรียน เพื่อสร้างความมั่นคงในการดำเนินงานตามจิตตารมณ์ได้สืบไป ดังที่คุณพ่อเรย์ได้ย้ำเสมอว่า "พ่อต้องการช่วยเหลือคนพิการทุกคนทั้งโลกเลย" ตลอดระยะเวลากว่า 40 ปี เน้น "สร้างงาน สร้างอาชีพและให้คนพิการมีรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน" กว่า 10,000 คน
