ความสำเร็จครั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องจากการบรรลุความร่วมมือระหว่างเบย์วา อาร์.อี. กับ UBE เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาเพื่อสร้างฟาร์มผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์แบบลอยน้ำที่ให้กำลังการผลิตสูงสุด 2.83 เมกะวัตต์ เริ่มกำลังการผลิตในช่วงต้นปี 2565 ภายใต้รูปแบบธุรกิจ Corporate PPA ระหว่างเบย์วา อาร์.อี. และ UBE และปัจจุบัน UBE ตัดสินใจซื้อฟาร์มผลิตพลังงานแสงอาทิตย์แบบลอยน้ำ ซึ่งเป็น ความมุ่งมั่นของ UBE ในการขยายแหล่งพลังงานหมุนเวียน และเสริมความแข็งแกร่ง ให้กับพอร์ตโฟลิโอขององค์กรในการปรับเปลี่ยนด้านการใช้พลังงาน
การปิดดีลโครงการดังกล่าวตอกย้ำความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างเบย์วา อาร์.อี. และ UBE ในเรื่องการส่งเสริมและใช้งานโซลูชันพลังงานทดแทน
ดาเนียล แกฟเคอ (Daniel Gaefke) ผู้อำนวยการ เบย์วา อาร์.อี. ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค กล่าวว่า "การปิดดีลฟาร์มผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์แบบลอยน้ำแห่งแรกของเราถือเป็นเป้าหมายหลักสำคัญของเบย์วา อาร์.อี. ในเอเชียแปซิฟิก นี่ไม่ใช่เพียงโครงการโซล่าเซลล์แบบลอยน้ำแห่งแรกของไทย แต่ยังเป็นโครงการแรกนอกยุโรปและเป็นโครงการแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย เราเชื่อว่าโครงการดังกล่าวถือเป็นบทพิสูจน์ความเชี่ยวชาญของเรา และยินดีอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสทำงานร่วมกับองค์กรและหน่วยงานภาครัฐเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่สำคัญภายใต้การเปลี่ยนผ่านเข้าสู่พลังงานสะอาด"
ฟาร์มแห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ของ UBE ในจังหวัดอุบลราชธานี เหนือกรุงเทพฯ ขึ้นไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 615 กม. โดยใช้โมดูลเซลล์แผงโซล่าร์ที่รับแสงได้สองด้าน (bifacial) จำนวน 6,900ยูนิต และระบบแรงดันไฟฟาปานกลางแบบสั่งผลิต (Medium Voltage SKID) ที่ออกแบบมาเพื่อใช้กับฟาร์มลอยน้ำโดยเฉพาะ
ความสำเร็จของฟาร์มผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์แบบลอยน้ำแห่งนี้ สะท้อนถึงความตั้งใจของเบย์วา อาร์.อี. ที่จะสนับสนุนเป้าหมายด้านพลังงานทดแทนของรัฐบาลต่าง ๆ ในภูมิภาคนี้ ดังเช่นที่ประเทศไทยกำหนดให้มีการใช้พลังงานหมุนเวียนทั้งหมดราว 30% ภายในปี 2579ตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (AEDP) พ.ศ. 2558-2579 ของกระทรวงพลังงาน
นางสาวสุรียส โควสุรัตน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด (มหาชน) ให้ความคิดเห็นต่อดีลในครั้งนี้ว่า "ชื่อเสียงอันเป็นที่ยอมรับของเบย์วา อาร์.อี. ในด้านพลังงานทดแทนทำให้เรามั่นใจต่อการก่อสร้างโครงการดังกล่าวจนปิดดีลได้สำเร็จในที่สุด เราตั้งใจที่จะเดินหน้าขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่พลังงานทดแทนต่อเนื่อง และเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่องค์กรต่าง ๆ ในการทบทวนการปฏิบัติงานและแผนงานด้านความยั่งยืน"
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นอกจากประเทศไทยแล้ว เบย์วา อาร์.อี. ยังปิดการขายโครงการที่สำคัญต่าง ๆ ทั้งในมาเลเซีย ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และเกาหลี อย่างเช่นเมื่อปี 2564 ทางเบย์วา อาร์.อี. ได้ประกาศความสำเร็จในการปิดดีลฟาร์มโซล่าเซลล์ขนาดใหญ่ 2 แห่ง ในมาเลเซีย กำลังสูงสุด 5.2 เมกะวัตต์ และ 39เมกะวัตต์ ส่วนที่ญี่ปุ่นก็มีโครงการฟาร์มโซล่าเซลล์ขนาดใหญ่ 35 เมกะวัตต์ในอิโซฮาระ และยังมีโครงการฟาร์มโซล่าเซลล์ขนาดใหญ่แห่งแรก ที่ติดตั้งบนพื้นดินในเกาหลีอีกด้วย
เบย์วา อาร์.อี. เป็นที่ยอมรับมากขึ้นในประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคนี้ ดังเห็นได้จากโครงการที่มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในเอเชียแปซิฟิก โดยหนึ่งในความคืบหน้าล่าสุดยังรวมถึง การเปิดสำนักงานตัวแทนโครงการพลังงานลมในเวียดนาม ซึ่งจะให้บริการติดตั้งโซล่าร์ภาคพื้นดินแก่ลูกค้าในปัจจุบันและผู้ที่สนใจในอนาคต เพื่อให้ชื่อเสียงของเบย์วา อาร์.อี. เป็นที่รู้จักในวงกว้างในฐานะพาร์ทเนอร์ด้านพลังงานทดแทนรายสำคัญ
เกี่ยวกับเบย์วา อาร์.อี. เอจี (เบย์วา อาร์.อี.):
เบย์วา อาร์.อี. คำนึงถึงเรื่องพลังงานว่าเราจะสร้าง จัดเก็บ และใช้พลังงานให้ดีที่สุดอย่างไร เพื่อทำให้การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานทดแทนซึ่งกลายเป็นเรื่องจำเป็นต่ออนาคตของโลกสามารถทำได้จริง บริษัทเป็นผู้พัฒนา ผู้จัดหาบริการ ผู้จัดจำหน่าย และผู้ให้บริการโซลูชันชั้นนำระดับโลก และได้ผลิตพลังงานมามากกว่า 4.5 กิกะวัตต์ (GW) และดูแลจัดการทรัพยากรมากถึง 10 กิกะวัตต์ (GW) เรายังเป็นผู้ผลิตพลังงานเพื่อใช้เองที่กำลังขยายธุรกิจสู่การค้าพลังงานอีกด้วย เบย์วา อาร์.อี. ทำงานร่วมกับบริษัทต่าง ๆ ทั่วโลกเพื่อส่งมอบโซลูชันพลังงานทดแทนที่ออกแบบมาโดยเฉพาะอย่างเหมาะสม อีกทั้งยังดำเนินการโดยมีความเป็นกลางทางคาร์บอน 100% และมุ่งมั่นเดินหน้าสู่เส้นทางแห่งความยั่งยืนของเรา เราทุ่มเททำงานหนักในทุกวันเพื่อสร้างอนาคตทางพลังงานอย่างเข้มแข็งในสำนักงานที่ยอมรับหลากหลาย เท่าเทียม และไม่แบ่งแยก ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของเราคือ BayWa AG บริษัทระดับโลกมูลค่า 19.8 พันล้านยูโร และ Energy Infrastructure Partners AG ซึ่งเป็นผู้นำการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน
ที่มา: พรีเชียส คอมมูนิเคชั่น